วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

ซี่รี่เกาหลี หักมุม สนุก โรแมนติก -- 49 days



49 days



    เป็นเรื่องราวของ จีฮยอน  (Nam Gyu Rio นัมคยูริ) ที่มีความสุขสดใสและกำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้นของเธอ  คังมินโฮ (Bae Soo Bin แบซูบิน) 
แต่ต้องมาตกอยู่ในอาการโคม่าเป็นเจ้าหญิงนิทราเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอได้รับโอกาสให้กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้งจากพญามัจจุราช โดยจะมี SCHeduler (Jung Il Woo จองอิลอู) โดยมีเงื่อนไขว่าต้องหาคนที่มาหลั่งน้ำตาจากความจริงใจ 3 คน ภายใน 49 วัน โดยไม่นับรวมคนในครอบครัว 


--และด้วยสายสัมพันธ์บางอย่าง เธอสามารถสิงร่าง ยีคยอง (Lee Yo Won ลีโยวอน) พนักงานพาร์ทไทม์กะกลางคืนของร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นคนที่หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต เวลากลางคืน ก็จะไปทำงานในตัวตนของ ยีคยอง แต่ตกกลางวัน ยีฮยอนก็จะเอาร่างมาใช้



   และได้พบว่าเพื่อนที่คิดว่าไม่ชอบตัวเองนั้น กลับหวังดีกับเธอมาโดยตลอด เพื่อนคนนั้นก็คือ ฮันคัง (Jo Hyun Jae โจฮยอนเจ



ส่วนเพื่อนที่สนิท เปรียบได้กับพี่น้องก็กลับทำร้ายเธออย่างเจ็บแสบ นั่นคือ ชินอึนจอง (Seo Ji Hye ซอจีเฮ)



             เรื่องราวกลับวุ่นวายมากขึ้นเมื่อเธอไม่สามารถบอกใครได้ว่า เธอเป็นจีฮยอน ไม่ใช่ยีคยอง และที่มากกว่านั้นขณะที่เธอนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรานั้น พ่อของเธอก็ไม่สบายอย่างหนัก ถึงขั้นต้องผ่าตัด ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงสูง อาจจะไม่ฟื้น แต่ถ้าไม่ผ่าก็อาจจะอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ก็ไม่ยอมเข้ารับการผ่าตัดเพราะเป็นห่วงลูกสาว

            เริ่มต้นซี่รี่นั้น ตัวละครทั้งสองตัว คือ ฮันคัง และ ยีคยอง ต่างจมอยู่ในความเจ็บปวด

ยีคยอง จมอยู่กับความทุกข์ที่เสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ

ฮันคัง ก็เจ็บปวด กํบการไม่สมหวังในความรัก


            เรื่องราวดำเนินเร็วมาก บ่งบอกให้เราเห็นค่าของเวลาได้ดีทีเดียว เรื่องนี้แม้แต่คังมินโฮ ซึ่งเป็นคนที่นอกใจนางเอกในตอนแรก และ กลับมาชอบนางเอกในร่างใหม่ก็ทำให้ใจละลายได้ไม่แพ้ ฮันคัง 
เพราะคังมินโฮนั้น แสดงความรักอย่างโจ่งแจ้ง และรุนแรง รู้สึกเป็นความรักที่เร่าร้อน ส่วน ฮันคังนั้น คอยเป็นห่วงนางเอก คอยตามกลับมาตลอด ไม่มีคำว่าวางฟอร์มเลยสำหรับเรื่องนี้ เค้ากรี๊ดดดสสสสส



Nam Gyu Ri นัมกยูรี รับบทเป็น Shin Ji Hyun ชินจีฮยอน
จากอุบัติเหตุ ก่อนงานแต่งงานเพียงแค่ 1 อาทิตย์ทำให้เธอต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา แต่ว่าถ้ายังไม่ถึงฆาต เธอจึงต้องหาคน 3 คนที่หลั่งน้ำตาอย่างจริงใจ 3 หยด เพื่อที่เธอจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
เรื่องนี้เธอคนนี้น่ารักมาก หน้าคล้าย ซองเฮเคียวมากทีเดียวว 
ด้วยบท เป็นสาวใสๆ น่ารัก ทีเดียว  จริงแอบลุ้นกับ Scheduler อิอิ
Lee Yo Won อีโยวอน รับบทเป็น Song Yi Kyung ซองอีคยอง
หญิงสาวกำพร้า อายุ 28 ปี ทำงานร้านสะดวกซื้อ เธอทำใจไม่ได้ที่คนรักของเธอเสียชีวิต 
เธอจึงใช้ชีวิตอย่างคนล่องลอย ไร้ชีวิตจิตใจ 
และผู้กำหนดชะตาได้ยืมร่างของเธอให้กับวิญญาณจีฮยอน
พี่สาวคนนี้แสดงได้เป็นธรรมชาติดี เวลาที่เธอเป็นยีคยองก็ดูเศร้าซึม 
หมดอาลัยไปกับเธอด้วย แต่พอเป็นตัวจีฮยอนก้น่ารักสดใส เรียกได้ว่าแทบจะคนละคน
Jo Hyun Jae โจฮยอนแจ รับบทเป็น Han Kang ฮันคัง
สถาปนิกหนุ่ม เรียนจบจากมหสวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกา
 ฮันคัง เขารัก จีฮยอน แต่ด้วยความเข้าใจผิด 
ทำให้เขาไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อเธอได้ 
เมื่อเขารู้ว่าวิญญาณจีฮยอน อยู่ในร่างของ อีกยอง 
เขาจึงช่วยจีฮยอน เพื่อให้ จีฮยอนได้ฟื้นขึ้นมาจากนิทรา
ฮันคัง ในเรื่อง บทดีมากจริงๆ จนแม้หลายตอนจะดูแก่ 
รู้สึกได้ว่าอยากกรี๊ดผู้ชายคนนี้ อยากมีคนอบอุ่นแบบนี้มาดูแล 
OMG เค้าทำให้ชั้นเคลิ้มไปเลยล่ะ
Bae Soo Bin แบซูบิน รับบทเป็น Kang Min Ho คังมินโฮ
คู่หมั้น ของจีฮยอน เขากับจีฮยอนกำลังจะแต่งงานกับจีฮยอน อีก 1 อาทิตย์ แต่เจ้าสาวของเขาต้องกลายมาเป็นเจ้าหญิงนิทรา จากอุบัติเหตุ
พี่แบ  คังมินโฮ ก้หล่อเท่ห์ได้อีก ดูลุ๊คเป็นหนุ่มทำงานเก่ง แต่งตัวเนี๊ยบ 
จนลืมไปเลยว่าเค้าทำร้ายอะไรยัยจีอยอนบ้าง 
ด้วยบทที่เป็นคนตรงๆ สนใจก็บอกว่าสนใจ แสดงออกอย่างโจ่งแจ่ง 
เหมือนแอบโดนนางเอกปั่นหัวเล็ก แต่ยังไงก็มีหลายช็อตที่ทำให้เราลืมตัว... ช้านกรี๊ดตัวร้าย
Jung Il Woo จองอิลวู รับบทเป็น scheduler ผู้กำหนดชะตา
ผู้กำหนดชะตา ผู้ซึ่งคอยรับมอบวิญญาณของผู้เสียชีวิตจากโลก
เป็นผู้กำหนดชะตาที่น่ารักน่าชังมากที่สุดในโลก เหมือนเป็นเพื่อนกะนางเอก 
ให้ได้ระบายพูดคุย และอดไม่ได้ที่จะช่วยเหลือนางเอก ซึ่งตัวนี้ก็มีปมในอดีตที่ขมขื่นเช่นกัน
Seo Ji Hye ซอจีฮเย รับบทเป็น Shin In Jung ชินอินจอง
เพื่อนรักของ จีฮยอน
เป็นตัวร้ายที่แอบรฃน่าสงสารอยู่เหมือนกัน แม้ว่าปมการเกลีดชังของเธอจะไม่ชัดเจนแล้ว 
 อยู่ๆแฟนที่รักกันมานานกลับไปติดใจสาวอื่นเพียงช่วงเวลาไม่นาน
 แถมยังบอกชัดเจนกับเธอว่ารักอีกคนแล้ว ก็เห็นถึงภาวะอึดอัดใจของตัวละคร 

                                     --------------ปิดท้ายด้วย------------




ซี่รี่เกาหลีน่าดู สนุก กงยู น่ารัก -- Big



 เรื่องล่าสุดที่เพิ่งดูไปขณะที่เขียน  คือ BIG
เรื่องนี้จริงแล้วประทับใจตั้งแต่ โครงเรื่องแล้ว


เป็นซีรี่ย์แนวกุ๊กกิ๊กชวนหัวชวนฮา
หนุ่มผู้มั่นใจในตัวเอง คยองจุน (Shin Won Ho) กลายเป็นหนุ่มใหญ่วัย30 ซอยุนเจ (กงยู) ผู้เป็นคุณหมอโรคมะเร็งในเด็ก หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ด้วยความต่างวัยและต่างความคิด เรื่องราวชีวิตวุ่นๆ จึงบังเกิด ทั้งเรื่องความรักของครูสาว บลิงค์ บลิงค์กิลดารัน (Lee Min Jung) และความรักของเด็กสาว จางมารี (Bae Suzy)   


ซีรี่ส์เรื่อง ‘Big’ เป็นผลงานการเขียนบทของสองพี่น้องฮงจองอึน (Hong Jung Eun) และฮงมิรัน (Hong Mi Ran)ที่เคยเขียนบทละครยอดนิยมมาแล้วมากมาย เช่น The Greatest LoveMy Girlfriend is a Gumiho และ You’re Beautiful

จริงๆเรื่องนี้ชอบพระเอก กงยู มาตั้งแต่ Coffee prince 
    ชอบกงยูในแบบขรึมๆ มากกว่า เพราะจะดุเท่ห์ด้วยตัวเองเป็นคนยิ้มน่ารัก แต่จะเรียกว่าหล่อซะทีเดียวก็ไม่ได้

    เคยดูเรื่อง One fine day นั้น ก็ไม่เห็นเหมาะ เอากงยูมาทำผมหยิก หรือจริงๆแล้วอาจจะเป็นคนผมหยักศก อยู่แล้ว เอามาแต่งตัวโชว์กล้าม  เป็นคนใช้แรงงาน เรื่องนั้น เรียกว่าแทบจะไม่เห็นเสน่ห์ในตัวกงยูของเราเลย

    พอมาเรื่องนี้ กงยูเล่นเป็นหมอ ก็น่าจะโอเค แต่ที่ไหนได้ต้องมาสลับร่างกับ คยองยู กลายเป็นเด็กวัยสิบแปด เล่นได้น่ารักน่าชังมาก ชอบ look นี้ของกงยูมากกว่า ในเรื่อง coffee prince ซะอีก แบบมันจะมีอารมณ์แบบเด็ก ซึ่งแตกต่างจากตัวผู้ใหญ่อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าเรื่องนี้เค้าตีบทแตกกระจุย กระจาย

ปล. เรื่องแรกที่เราเจอหน้าเค้า เลย คือตอนมอหก ตอนนั้นดูเรื่อง  Spy girl










ส่วนนางเอก ก็คือ Lee Min Jung ลีมินจุง แสดงเป็นกิลดารัน 
นางเอกในเรื่องไม่รู้สิ ไม่ทำให้เราอิน แบบเอาใจช่วยนางเอกเท่าไหร่ กลับแอบชอบ จางมารี ที่แอบชอบพระเอกซะมากกว่า
 
Bae Suzy แสดงเป็น  Jang Ma Ri
คนนี้ตอนแรกที่ เห็นหน้า Her face ring my bell. เลยล่ะ
ด้วยความที่ไม่ได้ติดตาม ด้วยความที่ไม่ได้ติดตามซีรี่ เกาหลีมาช่วงนึง ไปซบอก ตาน้ำข้าว
และเราก้ไม่ใช่แฟนตัวยงของ miss A และ ไม่เคยดู HIgh
แต่ด้วยความที่รู้สึกว่าหน้าเทอคุ้นมาก 

จึงไปถามอากู๋ ก็ได้ความว่าคุ้นมาจาก MV นี้แน่นอน เพราะเราดูบ่อย แต่ดันนึกไม่ออกซะงั้น








Shin Won Ho แสดงเป็นคยองจุน
ส่วนคนนนี้เราว่าเรากับเค้าคงจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เลยต้องทำความรู้จักกันหน่อย
จึงไปเจอ MV ดังกล่าว น้องน่ารักนะ นาที ที่ 0.12 และ 0.30

  





อย่าลืมไปดุกันนะคะ  -- แม้ว่าตอนจบมันอาจจะค้างคาก็ตาม

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หนังสือ สนุก มาก

เพิ่งอ่านจบเล่ม 1 ไปเลย

ใครที่ชอบอ่านเรื่องที่ล้ำไปในอนาคต และ รวมจินตนาการ
แต่ก็ไม่ลืมภาวะบีบคั้นทางจิตใจ

บางตอนที่อ่านมันรู้สึกว่า soundtrack เพลงนี้ดังขึ้นมาเลย
"มันบีบหัวใจสั่นๆ จากข้างใน"
แต่ก็ยังมีฉากโรแมนติกนะ ที่เราแอบลุ้นให้นางเอกหันกลับมามองพีต้าบ้าง

หลายตอนทำให้น้ำตามันหลั่งออก บางครั้งด้วยความเสียใจ แค้นใจ
หรือแม้แต่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้ รู้สึกอึดอัดใจ

....แต๊น แต่น แต๊น---

The hunger games เกมล่าชีวิต

เมื่ออ่านเล่ม 1 จบก็ต่อด้วยเล่มสองเลย
แหม เล่มสองนี่มัน--เรียกว่าไรดีล่ะ

มันบีบคั้นจิตใจมาก อ่านไปก้บ่นพึมพำไป ว่า
คนเขียนจะใจร้ายไปไหนนะ
ถึงขึ้นต้องโทรไปบ่นกะเพื่อนสาว โดนเทอตอกหน้าว่า
"อยากอ่านเรื่องสดใส ก็ไปอ่าน ก้านกล้วยดิ"

จบเล่มสอง รู้สึกว่ามาานไม่ครบรสอ่ะ ไม่ค้างคา

ไม่รอช้ารีบไปร้าน SE-ed  สอยเล่ม 3 โดยด่วน

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวกรุง ep.2 วังสวนผักกาด รีวิว ( ที่เที่ยวติด BTS )


วันนี้เป็นวันว่างๆ อีกวัน
แต่ดันว่างอยู่คนเดียว..เลยต้องหาที่ไปแบบเหมาะสำหรับคนเดียว
แน่นอนลองมาหาที่เที่ยวแบบติด BTS กัน

แต่วันจันทร์ บรรดาตลาดน้ำต่างพากันปิดนะจ้ะ
เลยตกลงใจว่าไป วังสวนผักกาดกัน

 
การเดินทางแสนง่ายเรยทีเดียว
เดินทางลง BTS พญาไทย ออก exit 4 เพียง 400 เมตร
ก็จะเจอกับวังสวนผักกาดแล้วจร้า


ภายในถ้าเป็นคนไทยค่าเข้าชมเพียง 50 บาทเท่าน้น

 
มาถึงจะเป็นได้บรรยากาศเมืองล้อมสวนมากเลย
เดินเข้ามาจะมีนิทรรศการประวัติความเป็นมาของไทย
เดินมาจาก BTS จะเห็นหลังคาเรือนไทยมาแต่ไกลเลยทีเดียว
 
 
ลองเข้าไปชมกันได้

เดินต่อมาอีกนิดจะเป็นห้องนิทรรศการไว้แสดงภาพต่าง ๆ


ซึ่งจะหมุนเวียนกันไปในแต่ละเดือน
วันที่เราไปนั้น ได้เจอตัวศิลปิน มาบรรยายตัวต่อตัวเลยค่ะ
 
 และเล่าถึงแรงบันดาลใจในการทำภาพด้วย
ทั้งนี้ยังอนุญาติให้เราถ่ายภาพได้ตามชอบใจ

ภาพที่ชอบเห็นจะเป็นภาพนี้
โจทย์ของงานแสดงวันนี้น่าจะเป็นหัวข้อ
 "ความสดใสของวัยเด็ก"


 

หลังจากนั้นเดินไปชม บริเวณภายใน ภายในจะเป็นเรือนไทยปลูกอยู่ประมาณ 3 เรือนใหญ่
เชื่อมกันด้วยทางเดินเล็กๆ  
ภายในร่มรื่นมากทีเดียว

วันนี้เราไปจะเดินไล่เลี่ยกับนักท่องเทียวชาวญี่ปุ่นคนนึง
เค้าดูท่าทางสนใจในลายแกะสลักมาก
ดูนานๆ และให้ความสนใจอย่างยิ่ง
เห็นอย่างนั้นก็อดภูมิใจไม่ได้

------
บ๊าย-บาย  
เจอกันทริปหน้า

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวกรุง ep.1 Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์) ไปยังไง

เมื่อเดือนก่อน(มิถุนายน)ได้มีโอกาสไปเที่ยว สถานที่หย่อนใจแห่งใหม่ของเมืองกรุง
หลายคนคงได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว นั่นคือ

Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์)



ตามมากันเลย

เนื่องจากไม่มีรถ การเดินทางจึงพึ่งขนส่งมวลชนละกันนะ

เริ่มต้นลงที่ BTS สะพานตากสินนะจ้ะจากนั้นเดินลงมาที่ท่าเรือ ก็จะมีเรือรับส่งฟรีจร้า

..แต่เนื้องด้วยเราเป็นคนกลัวน้ำ หมายถึงกลัวจมน้ำนะ พอมาเห็นเจ้าพระยา

เชี่ยวมาเลย คลื่นก็เยอะ เลยถอดใจบอกเพื่อนว่า "ไม่ไปแล้วได้ป่ะ ช้านกลัว
"
..แต่สายตาฉับพลันเหลือบไปเห็นทุ่นสีส้มใต้ที่นั่ง

ทุกที่เลย ใจชื้น สู้วิ่งขึ้นเรือมา





นั่งเรือราว 15 นาทีเอง ค่ะ ก็จะได้ยลโฉมกันแล้ว




หลังจากลงเรือ  ก้จะมีที่นั่งจำนวนมากเลย เพราะ

แก่การนั่งรับลม ชิลๆ ตอนเย็น

เราไปถึงก็น่าจะสี่โมงเย็นแระ  แต่ยังร้อนอยู่เลย ขอบายไปก่อน ไปชมบรรยากาสภายในก่อน

ในนี้จะมีรถรางให้ได้นั่งกาน  แต่ความเร็วนั้นเรียกว่าเต่ายังต้องชิดซ้าย อิอิ แซวเล่น

ก็จะนั่งเพียงระยะสั้นๆ จร้า



ร้านค้าโดยมากจะขายเป็นแนวของฝาก เหมาะกับฝรั่งมาก

มีโซนร้านของตกแต่งบ้านมีร้านน่ารัก และ ไอเดียแบบเจ๋งมากเลยล่ะ

แต่ถ้าถามเรื่องแฟชั่นไม่ค่อนมีนะ





การตกแต่งจะเน้นแนวย้อนยุค  มีรถเทียมเกวียน 

มีการแบ่งโซนเป้นโวนต่างเช่น ย่านโรงงาน 

ผ่านโกดัง ย่านกลางเมือง ย่านเจริญกรุง





























ด้านหน้ามีหลุมหลบภัยให้ดูด้วยนะ


อย่างร้าน MK ที่นี่ก็จะออกมาเก๋เก๋ เป้นเรือนไม้


โบราณดูน่ารักและมีเสน่ห์ไปอีกแบบ












อันนี้เป็นด้านหน้า ยังอินดี้ขนาดนี้




บริเวณทางเข้าจะมีแผนที่บอกที่ตั้งของร้านต่างๆ 


เพื่อนๆ จะได้วางแผนการเดินที่ดีไงคะ ^^


ภายในมีโซนอาหารหลายแนวเลยให้เลือกกัน




ตกค่ำก็เดินกลับมารอขึ้นเรือเจ้าค่ะ

จะพบวิวริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งคุณเพื่อนบอกว่า วิวฮ่องกงเลยทีเดียว

อันนี้นางก็เว่อร์ไปหน่อย แต่เรียกได้ว่า Top วิวจร้า

เลยเอารูปนางลงซะหน่อย