วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

Anaphylaxis

Anaphylaxis, angioedema, urticaria
Anaphylaxis

อาการและอาการแสดง
  • ส่วนใหญ่จะเริ่มจากอาการคัน ผิวแดง ผื่นลมพิษ ตามด้วยอาการจุกคอ กระสับกระส่าย หายใจไม่สะดวก เวียนศีรษะ อาการอื่นๆที่พบได้ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว หลอดลมตีบ น้ำมูกไหล ตาแดง ความดันโลหิตต่ำ
  • อาการมักจะเกิดขึ้นทันที (ภายใน 60 นาที) หลังจากที่ได้รับสารที่แพ้ (เรียกลำดับความเร็ว ยาฉีด >แมลงต่อย > ยากิน > อาหาร)

การวินิจฉัย เมื่อมีอาการผิดปกติมากกว่า 2 ระบบขึ้นไป (skin, CVS, RS, GI)

สาเหตุที่พบบ่อย
  • ยา เช่น β-lactam ATB, ASA, Bactrim, vancomycin, NSAIDs
  • อาหาร เช่น หอย ถั่ว แป้งสาลี นม salicylates เมล็ดพืช sulfites
  • แมลง (ผึ้ง ต่อ แตน มด) เชื้อรา สารทึบรังสี วัคซีน เลือดและองค์ประกอบของเลือด

Investigation: ไม่มีความจำเป็น; การตรวจ serum tryptase ขึ้นได้หลายชั่วโมง แต่มี sensitivity ต่ำ

Treatment
  • ABC: early intubation ถ้าเป็น angioedema (uvula edema, stridor) และมี respiratory distress; IV, O2, ECG monitoring
  • Decontamination เช่น remove stinger; ไม่แนะนำให้ทำ gastric lavage ใน food allergy
  • Epinephrine สามารถใช้ dose เดียวกับ EpiPen® คือ ผู้ใหญ่ 0.3 mg (0.2-0.5) IM และในเด็ก < 30 kg ให้ 0.15 mg (0.01 mg/kg) IM ที่ anterolateral thigh ซ้ำได้ทุก 5-10 นาที

**ในรายที่ cardiovascular compromise ให้ epinephrine 0.1 mg + NSS 10 mL IV 5-10 min หรือ epinephrine 1 mg + NSS 500 mL IV bolus 50 mL in 5-10 min then drip 30 mL/hr
***ตรวจ BP ในคนที่กิน β-blocker เพราะอาจมี severe HT ได้จากการกระตุ้น α-adrenergic อย่างมาก
  • Isotonic crystalloid IV bolus 1-2 L (เด็ก 10-20 mL/kg)
  • Corticosteroids: Hydrocortisone 250-500 mg IV (เด็ก 5-10 mg/kg); ในคนสูงอายุหรือต้องการหลีกเลี่ยง fluid retention ให้ dexamethasone หรือ methylprednisolone แทน; แล้วตามด้วย prednisolone 40-60 mg/d (เด็ก 1-2 mg/kg) อีก 3-5 วัน
  • Antihistamines: ให้ H1-blocker (CPM 10 mg IV (เด็ก 0.25 mg/kg)) และ H2-blocker (ranitidine 50 mg (เด็ก 0.5 mg/kg) IV over 5 min)
  • ยาอื่นๆ ได้แก่ ใน allergic bronchospasm ให้ salbutamol, ipratropium bromide, magnesium sulfate 2 gm (25-50 mg/kg) IV over 20 min; ถ้าผู้ป่วยกิน β-blockers และมี refractory hypotension ให้ glucagon 1 mg (50 mcg/kg) IV q 5 min

Disposition
  • หลังการรักษา ถ้าอาการปกติ ให้สังเกตอาการ 4 ชั่วโมง แล้ว discharge ได้ (โอกาสเกิด significant biphasic reaction ต่ำ) พร้อมให้คำแนะนำการใช้ยา การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้
  • สังเกตอาการนานขึ้นในคนที่ใช้ β-blockers คนสูงอายุ มี comorbid disease อยู่คนเดียว ใช้เวลาเดินทางมารพ.นาน
  • ให้ antihistamine และ oral steroid ต่อ 3-5 วัน;  EpiPen® อย่างน้อย 2 อัน
  • นัดพบ allergist ในรายที่ severe หรือมีอาการบ่อยๆ

Acute Urticaria: ส่วนใหญ่เกิดจาก viral infection
  • ให้ H1-antihistamine +/- steroid
  • ให้ epinephrine ในรายที่ severe หรือ refractory cases
  • ให้ H2-antihistamine ในรายที่อาการ severe, chronic หรือ unresponsive
ACEI-induces angioedema: หยุด ACEI, ให้ Icantibant 30 mg SC หรือ C1 esterase inhibitor (human) 1,000 U IV; ในรายที่บวมไม่มาก ให้สังเกตอาการ 12-24 ชั่วโมง

Hereditary angioedema: ตรวจพบ C4 level < 30% ให้ C1 esterase inhibitor, Icatibant, Ecallantide หรือให้ FFP


Ref: Tintinalli ed8th

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

zabi trip -- ร้อนนี้ที่ญี่ปุ่น

วางแผนชมดอกไม้เมืองนิปปอน เดือน พฤษภาคมกัน

แพลนคือ 5-10 พฤษภาคม 2559 พฤหัสบดี-อังคาร --เอ้ยๆ แล้ว golden week มันวันไหนฟะ 
----

Golden Week is usually from April 29 to May 5 (sometimes May 6) and includes the following public holidays
 
---

ทริปนี้เราจะพักที่โตเกียวเป็นหลัก แล้วเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียง

มาพล็อตแผนที่กัน
https://www.google.com/maps/d/edit?hl=en&authuser=0&mid=z37xwRMHrSSs.k7f_YUVQgg3M

---
เริ่ม!!



ที่มา...http://www.japanican.com/th/special/theme/flower/index.aspx

---
ดอกไม้ -- บานแน่ๆต้นเดือนพี่วัว ก็คือดอกพิ้งมอส ดอกฝิ่น ดอกโรส
แต่ดอกไม้ที่บานถึงปลายเดือนเมษาก็มีลุ้นเหมือนกัน  เช่นดอก นีโมฟีลล่า ดอกทิวลิป ดอกฟูจิ
คงต้องไปอ้างอิงตารางการบานจากปีก่อนๆแล้ว

และยังมีดอกซากุระ ...ก็ยังแอบมีลุ้นได้เห็นจากเมืองเซนได ภาคโทโฮะกุ ได้รึเปล่าน้า
ทำการรีวิวโดยด่วน
---

--------> day 1 เดินทางไปถึงเข้าที่พัก
คิดว่าน่าจะเดินทางถึงโตเกียวไม่เกินเที่ยง เราแวะฝากกระเป๋าที่โรงแรมก่อน
จากนั้นวันนี้ขอเที่ยวในโตเกียวก่อนละกัน
yamanote
---ชิบูย่า (Shibuya)--
สามารถนั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี JR Shibuya
โดยนั่งรถไฟได้ถึง 3 สาย ได้แก่
JR Yamanote Line, JR Saikyo Line, JR Shonan Shinjuku Line (สามารถใช้ JR Pass/Tokunai Pass ได้)
นอกจากนี้ยังสามารถมาได้ด้วยรถไฟ Subway สาย Hanzomon Subway Line, Ginza Subway Line





Dog on the floorอย่าลืมถ่ายรูปเดี่ยวกะแบ๊คกรานว์น่ารักๆแบบนี้ด้วยฮะจิโกะ
เมื่อมาถึงสถานีชิบุย่าให้คุณเลือกเดินออกมาทาง Hachikō Exit (ハチ公口 Hachikō-guchi)
แล้วเก็บภาพผืนกำแพงสีสันสดใสลายฮาจิโกะ

shibuya, tokyo, tonkatsu, torikatsu chicken, ญี่ปุ่น, ทงคัตสึ, รีวิว, ร้านอร่อย, หมูทอด, ที่เที่ยวญี่ปุ่น, อาหารแนะนำ,เที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว,สถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียว,ที่เที่ยวในโตเกียว,เที่ยวโตเกียว,การท่องเที่ยวญี่ปุ่น,ท่องเที่ยวญี่ปุ่น,สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น,สถานที่ท่องเที่ยวโตเกียว,ไปญี่ปุ่น
ถ้าหันหลังให้ฮะจิโกะ มองไปทางถนนใหญ่จะเห็นแยก Shibuya Scramble อันโด่งดัง
ข้ามมาแล้วมองตรงไปข้างหน้าจะเห็นตึก Shibuya 109 ที่เป็นห้างสินค้าแฟชั่นชื่อดังของที่นี่
Julian Worral สถาปนิกและอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยวาเซดะ เคยพูดไว้ว่า "Shibuya crossing is a great example of what Tokyo does best when it's not trying"

ตึกม่วงตึกสุดฮอตของนักท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยของฝาก เครื่องสำอาง แว่นตา
เสื้อผ้าในราคาถูกแสนถูก แนะนำตึก Ladies Building
ส่วนใครที่อยากซื้อขนมแนะนำ Main Building
(ที่สำคัญนักท่องเที่ยวอย่างเราสามารถไปขอ refund vat 8% ได้ด้วยนะ
 ลองถามกับกับเคาน์เตอร์ดูว่าจะขอ refund vat เขาก็จะให้เราไปจ่ายอีกเคาน์เตอร์ที่อยู่ด้านของของตึก)
takeya00


กินบุฟเฟ่เนื้อกันที่ชินจูกุ
มีทั้งแบบกลางคืน และ ตอนเที่ยง
http://www.rokkasen.co.jp/th/contents/lunch.html
ราคาบุฟเฟ่ ของที่นี้ … อย่างถูกๆที่สุดในร้านก็ ราคาหัวล่ะ 6,800 yen หรือ เงินไทย ก็คูณกันเองครับ ( เอาค่าเงินง่าย 100 yen 30 บาท ) , แพงสุด ก็ไม่แพงครับแค่หัวล่ะ 24,300 yen
มาดูเมนูและวิธีการสั่งกันดีกว่าค่ะ ที่นี่อย่างที่บอกว่าเป็นบุฟเฟท์คือกินได้ไม่อั้นในเวลา 90 นาที (แต่นั่นหมายความว่า คุณจองกี่โมง คุณต้องมาตรงตามเวลานะคะ เพราะเค้าจะนับตั้งแต่คุณเริ่มจอง ไม่ใช่ตั้งแต่คุณเริ่มเข้ามา อย่างถ้าจองไว้ที่หนึ่งทุ่ม จะหมดเวลาตอนสองทุ่มครึ่ง ถ้ามากินเลท มาตอนสองทุ่มก็จะเหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงค่ะ ซึ่งบางทีตรงนี้คนไทยก็ไม่ค่อยจะเข้าใจระบบเค้ากันเท่าไหร่ แต่มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องนะคะ เพราะจะทำให้คนอื่นที่เค้าจองคิวจองเวลาเค้าไม่เสียเวลาเหมือนกันน่ะค่ะ)

Rokkasen Yakiniku
ร้านนี้อยู่ที่ย่าน Shinjuku วิธีไปก็คือ ออกจาก JR Shinkuju Station exit ที่เขียนว่าไป Odakyu HALC

จนถึงแยกที่มีป้ายรูปหมาสีเขียวด้านบน แต่ไม่ต้องข้ามแยกไปนะ ให้ยกมือซ้ายขึ้นแล้วหันหน้าเข้าตึกนี้ มองขึ้นไปจะเขียนว่าตึก Sun Flower

ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 6 ก่อน (ร้าน Rokkasen นี่มี 2 ชั้น ชั้น 6 เป็นส่วนต้อนรับและ ชาบู ชาบู ส่วนชั้น 7 เป็น Yakiniku) แล้วพนักงานจะพาเราขึ้นไปยังชั้น 7 มีห้องส่วนตัวให้ปิ้งย่าง

 Buffet  ให้เวลาเสพย์กัน 90 นาที มี 4 ระดับขั้น  ราคาแปลงเป็นเงินไทย  >> เงินเยน ตัดศูนย์ แล้ว คูณ ด้วย 3


สั่งอะไรดี --ลิ้นวัวสด  short ribs Harami ก็นุ่มอร่อยมากๆ เนื้อสัน เนื้อติดกระดูก
หรือจะเป็นเบนโตะมื้อกลางวัน แต่หารมาแล้วราคาก็ใกล้เคียงกับบุฟเฟ่ เมนูภาษาไทยก็มี


โอไดบะ 
เที่ยวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น



เป็นเมืองที่เกิดจากการถมทะเลโดยขยะเพื่อสร้างแผ่นดินขึ้นมาเป็นเกาะบริเวณ
อ่าวโตเกียวเมื่อปี ค.ศ. 1853 ปัจจุบันเป็นเขตธุรกิจสำคัญ และเป็นแหล่งที่เพียบพร้อมไปด้วยสถานบันเทิง
นำสมัย แหล่งแฟชั่น สวนสนุกขนาดใหญ่ และย่านกินดื่มยามค่ำคืน

โอไดบะเชื่อมกับกรุงโตเกียวด้วยสะพานแขวน 2 ชั้น สะพานสายรุ้ง เรนโบว์ บริดจ์ (Rainbow Bridge) 
 โดยสะพานแห่งนี้ในช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟสวยงามจนถือเป็นสัญลักษณ์หลักของ โอไดบะ 
 ยิ่งไปกว่านั้น ใกล้กับเขตสะพานยังมีรูปปั้นเทพีเสรีภาพจำลองเหมือนที่ประเทศอเมริกาอีกต่างหาก 
 นอกจากนี้โอไดบะก็ยังเป็นที่ตั้งของชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลก (115 เมตร) เมืองจำลองยุโรปในศตวรรษที่ 18 ร้านค้ามากมาย การเดินทางไปก็สะดวกสบายด้วยรถไฟสายยูริคาโมะเมะ (Yurikamome line)
จากสถานีชิมบาชิ (Shimbashi)


--------> day 2 Hitashi Seaside Park สวนเปิด 9.30-17.00 น. ดอกไม้ที่มีชื่อเสียงชื่อว่า Nemophila




Image credits: Teerayut Hiruntaraporn
----


มาถึงดอกต่อมาเลยจ้าาาา ดอกเนโมฟิล่า (Nemophila) คาดการณ์ว่าจะบานเต็มที่ปลายเดือนเมษายน


สามารถเลือกได้ทั้งสาย Joban Line ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าถึงจะถึง Mito แต่หากนั่งรถไฟด่วนพิเศษจะใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง นั่นคือ Super Hitachi แต่ว่าค่ารถไฟจะประมาณพันกว่าบาท

1. Ueno Stn. --> Katsuta Stn.
ไปโดยรถไฟด่วน (特急 Tokkyu) ชื่อว่า ひたち Hitachi ค่ะ ต้นสายอยู่ที่สถานี Ueno ใช้เวลาประมาณ 80 นาที บนเบาะนุ่มๆเหมือนรถชินคันเซน ... สนนราคาสำหรับ Unreserved seat คือ 3510 เยนต่อหนึ่งขา

2. Ueno Stn. --> Katsuta Stn.
ไปโดยรถไฟหวานเย็นธรรมดา JR Joban Line วิ่งไปในเส้นทางเดียวกับรถด่วน Hitachi เลยค่ะ แต่เก้าอี้แข็งๆแคบๆธรรมดาแบบที่นั่งกันในเมือง จากสถานี Ueno ใช้เวลาถึงสถานี Katsuta รวม 147 นาที ... สนนราคาคือ 2210 เยนต่อหนึ่งขา ถูกกว่ารถด่วนแต่ก็แลกกับความไม่สบายตัวนะคะ

3. Tokyo Stn. --> Katsuta Stn.
ไปด้วย 高速バス Kosoku-bus จากโตเกียวใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงนิดๆเพื่อไปที่ 勝田 Katsuta ราคานั่งต่อขาประมาณ 2000 กว่าๆเยนค่ะ (ตารางเวลารถบัสที่วิ่งไปจากโตเกียวมีใน
http://www.ibako.co.jp/bus/hwbus/hwbus-tokai01.htm แต่เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ)

ลงรถไฟที่สถานี 勝田 Katsuta แล้วออกทาง 東口 Higashi-guchi (East exit) เพื่อต่อรถบัสในเมืองสั้นๆอีกต่อนึง ป้ายรถบัสเบอร์ 1 หาไม่ยากค่ะ ค่ารถบัส 390 เยนต่อขา นั่งประมาณ 20 นาทีก็ถึงสวนแล้ว ส่วนตารางเวลารถบัสจาก Katsuta ไปสวนนี้ดูได้ที่
http://www.ibako.co.jp/bus/main_bus_stop/katsutaE1.html (มีแต่ภาษาญี่ปุ่นนะคะ)


อันนี้ถ้าใช้ JR pass



หรือสาย express ก็ได้ค่ะ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น


มาถึงสถานีแล้ว ก่อนอื่นเลยเดินหาข้าวกลางวันกิน อยากบอกว่าร้านอาหารแถวสถานีหายากมาก ต้องเดินหาไกลพอสมควรกว่าจะเจอร้านราเมง ถ้าไม่อยากเสียเวลาแนะนำให้หาอะไรง่าย ๆ กินที่ Lawson หน้าสถานีเลยจะดีกว่า
เริ่มจากบริเวณทางเข้าสวน Hitachi Seaside Park ทางซ้ายมือของทางเข้ามีร้านขายไอศครีมและขนมอยู่ค่ะ สำหรับใครที่ไม่มีเสบียงหรือไม่ได้ทานอะไรรองท้องมาก่อน แนะนำว่าให้หาอะไรทานก่อนเข้าไปข้างในดีกว่า เพราะร้านข้างในทุกร้านมีคนต่อคิวยาวมาก อาจจะต้องรอถึงหลายสิบนาทีเลยนะคะ 


บริเวณชานชาลาของสถานี Katsuta มองออกไปจะเจอป้ายบอกชื่อสถานีติดอยู่ จากนั้นก็เดินออกจากสถานีโดยใช้ประตูตะวันออก (East Exit / 東口) ทางออกจะอยู่ขวามือของที่ตอกตั๋วออกค่ะ

ขึ้นรถบัส Ibaraki Kotsu bus 茨城交通バス ที่ป้ายรถหมายเลข 2 ลงที่ป้าย Kaihin koen nishiguchi 海浜公園西口 เป็นทางเข้าด้านหน้าสวน ใช้เวลาประมาณ 17-23 นาที หรือนั่งแท๊กซี่จากสถานีเลย ใช้เวลา 15 นาที

ช่วงนี้เป็นฤดูท่องเที่ยวของสวน ก็จะมีคนถือป้ายใหญ่ๆ บอกว่ามีรถบัสตรงถึงสวน Hitachi Seaside Park เลย และตรงทางออกบันไดเลื่อนจะมีเจ้าหน้าที่มาแจกไกด์บุ๊ค พวกใบปลิวแนะนำสวน ฤดูกาลท่องเที่ยว เราก็รับมาใบหนึ่งค่ะ
ค่าเข้าชมสวนคนละ 400 เยน

จากสถานีแล้วก็ไปต่อรถบัสไปอีกประมาณ 20 นาที ถึงหน้าสวนเลย ค่ารถเมล์ 400 yen
ป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟครับ
ไปสวน Hitachi ไปรอป้ายหมายเลข 2 (อยู่หน้าร้าน lawson)


ไปถึงหน้าสวนอย่างแรกที่ต้องทำ คือ เช็กตารางรถบัสขากลับ ไม่อย่างนั้นอาจตกรถแล้วอาจต้องอาศัยพี่แท็กซี่กลับสถานีได้ เปลืองไปนะ...โอเค หลังจากตรวจสอบตารางเวลารถแล้วก็เดินไปซื้อบัตรที่ตู้อัตโนมัติ ราคา 410 บาทต่อคน ได้บัตรมาก็พร้อมสำรวจสวนกันแล้ว ไปเลย //ที่นี่มีจักรยานให้เช่า แต่รอคิวนาน

ถึงสวน
หลังจากเข้ามาในสวนแล้ว ให้เลือกเดินทางด้านซ้ายมือที่คนส่วนใหญ่เขาเดินกันนะคะ เดินตามๆ เขาไปได้เลย จากรูปด้านบน รถรางสีเขียวเล็กๆ ตรงมุมซ้ายมือคือจุดขึ้นรถรางค่ะ ส่วนตัวเราจะขอเดินเข้าไปเช่าจักรยานด้านในดีกว่า เดินไปทางซ้ายมือ ประมาณ 100 เมตร
Cycle Center
เดินมาถึงที่มีจุดต้นไม้ใหญ่ๆ ต้นแรกๆ จะเห็นตึกนี้แอบอยู่ มีสัญลักษณ์รูปจักรยานค่ะ มันคือจุดเช่าจักรยานนั่นเอง ค่าเช่าเริ่มต้นที่ 310 เยนสำหรับผู้ใหญ่และ 210 สำหรับเด็ก
ตอนที่เรามาถึงมีแถวค่อนข้างยาวและพนักงานบอกว่าตอนนี้คนเยอะ ต้องรอประมาณ 1 ชม. ดังนั้นจึงขอล่าถอยและเลือกเดินชมสวนแทนดีกว่า

เดินถัดจากทิวลิปมาอีกหน่อยก็เจอทุ่งดอกไม้ชนิดแรกค่ะ ชื่อ Layia Elegans สีเหลืองสดใสบนเนินหญ้าสีเขียว ไม่มีกลิ่น ลำต้นสูงประมาณเข่า นักรักกรุบกริบ ^^ ตอนเราไปเจอแก๊งค์สาวไทย มาถ่ายรูปกันเป็นล่ำเป็นสัน นึกว่ามาถ่ายแบบที่สวนรถไฟ ^^
Layia-Elegans
จากกระทู้ก่อน เราได้แนะนำการซื้อตั๋วเข้าชมสวน Hitachi Seaside Park และพาเพื่อนๆ ไปชมครึ่งแรกของสวนพอหอมปากหอมคอ ครึ่งหลังนี้ถือว่าใกล้ความจริงแล้ว…เพราะในที่สุดหลังจากเดินมาประมาณ 30 นาที (แวะถ่ายรูปไปทั่ว) ก็ถึงเป้าหมายแห่งความสำเร็จของเราค่ะ





Image credits: Kota-G



Image credits: hirocame



>> http://en.hitachikaihin.go.jp/flower-calendar.html
ibaraki-map

มื้อเที่ยงที่ตลาดปลา--Nakaminato Fish Market
To get here:

1. Take the JR from Mito to Katsuta Station (one stop)
2. Take the Hitachinaka Seaside Railway from Katsuta to Nakaminato
3. Walk for about 10 minutes (get the map from the train station)

นอกจากนี้ยังมี น้ำแร่ธรรมชาติหลายแหล่งได้แก่ บ่อน้ำแร่ฟุคุโรดะ (Fukuroda Onsen) อยู่ใกล้แม่น้ำทะคิกาวะที่แยกมาจากน้ำตกฟุคุโรดะ กล่าวกันว่าน้ำแร่แหล่งนี้มีคุณภาพดีสำหรับรักษาโรคไขข้ออักเสบ บ่อน้ำแร่ไดโก (Daigo Onsen) อีกทั้งบ่อน้ำแร่ (Fore Spa Daigo) ที่มีบ่อย่อยอีก 14 แบบให้เลือกแช่ อาทิ บ่อน้ำแร่สมุนไพร แบบ Jacuzzi ที่ผู้ใช้บริการสามารถสวมชุดว่ายน้ำลงแช่ได้
การเดินทาง จากโตเกียวที่สถานี Ueno โดยสาย JR Jyoban ลงที่สถานี JR Mito ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที แล้วต่อสาย JR Suigun Iriguchi ลงที่สถานี JR Fukuroda ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที รวมเวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมง 30 นาที
ทางตะวันออกสุด เป็นชายฝั่งทะเลที่ทอดยาวลงทางใต้ ติดต่อกับจังหวัดชิบะ มีท่าเรือโออะระอิ (Oarai) ที่เคยเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ไปสู่เกาะฮอกไกโด ปัจจุบันเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ที่มีชายหาดอาบแดด สวยด้วยปะการัง รีสอร์ทหรู แหล่งชอปปิ้งที่ทันสมัย Resort Outlet ลื่อชื่อที่ถูกออกแบบเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมแบบเมดิเตอร์เรเนียน มีร้าน Brand Name 70 ร้าน อีกทั้งภัตตาคารพร้อมอาหารทะเลสดทุกฤดูกาล  
เมืองข้างๆ จริงๆคือตั้งใจจะไปถ่ายรูป Kamiizo Torii ที่เมือง Oarai เสาโทริสีแดงกลางทะเล
God comes down here to visit the shrine. Sun rise behind the gate. After climbing up 100steps, you can visit the beautiful Haiden, worship hall, and Honden. main sanctuary, of thatched roof
Photo of Oarai Isosaki Shrine
ส่วนขาช้อปปิ้งตัวยงที่ต้องการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแล้วขาดเสียไม่ได้เรื่องการไปเอ้าเล็ท ที่มิโตะก็มีเช่นกันกับที่ RESORT OUTLETS OARAI ให้นั่งรถไฟสาย Oaraikashima-sen ไปลงที่ Oarai Station ซึ่งที่ oarai นี้เป็นเมืองติดทะเล เดินไปอีกประมาณสิบห้านาที เมืองโออะไร ที่จังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่นนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย และสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ด้วยรถบัสซึ่งซื้อตั๋วเป็นรายวันได้คนละ 200 เยน จะมีรถบัสวิ่งวนอยู่สองเส้นทาง โดยเริ่มต้นขึ้นได้ที่สถานีรถไฟโออะไร
ทางบริเวณทางออก Oarai Eki เส้นทางแรก Aqua World จะสามารถไปเที่ยว ควาเลี่ยมขนาดใหญ่ ลงที่ป้ายหมายเลข 9 ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าลงไปอยู่ใต้ท้องทะเล และสามารถชมการแสดงของปลาวาฬ การให้อาหารนกเพนกวิน และปลาฉลาดใหญ่ก็เป็นอีกไฮไลท์ของที่นี่ค่าเข้าชมคนละ 1800 เยน และจะมีตลาดปลา(เฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น) ลงรถบัสที่ป้าย 13 และอีกเส้นทางจะเป็นเส้นที่ผ่านไปยังชายหาด มีสถานีที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่การลงรถที่ป้ายหมายเลข 25 จะมีทาวเว่อร์ให้เราได้ไปชมวิวหากอากาศแจ่มใสก็จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ ส่วนป้ายที่ 26 เป็นป้าย RESORT OUTLETS OARAI และใกล้กันยังมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ด้วย และป้ายที่ถัดไปที่ 27 เป็นชายหาด Kaigan

***เทศกาลชมดอกไอริส านเทศกาลดอกไอริสของ อิทะโกะ(Itako) เป็นหนึ่งในงานเทศกาลที่มีมายาวนาน และได้รับความนิยมมากที่สุดในอิบะระกิ (Ibaraki) มีขึ้นในกลางเดือนพฤษภาคมไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ทุกๆปีจะมีผู้เข้าชมระหว่าง 750,000 และ 800,000 คน มาเยี่ยมชมเมืองริมแม่น้ำเล็กๆ เพื่อชมทิวทัศน์ที่โรแมนติก และดอกไม้สีม่วง ขาว ชมพู และเหลือง ที่งดงามจับตา แต่งานเทศกาลนี้มีอะไรที่มากไปกว่าแค่งานฉลอง ตัวเมืองอิทะโกะเองก็ยังมีอะไรหลายอย่างที่น่าชมทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์และการต้อนรับขับสู้
อิทะโกะไม่ได้มีแค่กลุ่มคลองเล็ก ๆ เท่านั้น ยังอยู่ใกล้กับทะเลสาบคิตะอุระ (Kitaura) ที่เป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบคะสุมิกะอุระ (Kasumigaura) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นสถานที่เหมาะสม อิทะโกะจึงเจริญรุ่งเรืองเป็นจุด

-----> Day 3 -- Wisteria --อาจจะไปช่วงบ่าย อยู่ให้ถึง light up
 


วิธีการเดินทาง (ตั้งต้นจากสถานี Tokyo หรือ ตลาดปลา Tsukiji) ขึ้นรถใต้ดิน Tokyo Metro จากสถานี Yurakucho ลงที่สถานี Tsukishima ออกทางออก 7 มายัง Monja Street สามารถเดินเที่ยวบริเวณรอบๆ ไปยังศาลเจ้า Sumiyoshi ได้ และหากต้องการแผนที่เดินเที่ยวและข้อมูลของร้านอาหารเด็ดๆ ให้เข้าไปที่ศูนย์ให้ข้อมูล Tsukishima Monja Association ด้านหน้าทางออกสถานีได้เลย

ร้านอาหารเยอะแยะละลานตามาก มีประมาณ 70 ร้าน เกือบทุกร้านที่ตั้งอยู่สองข้างทางของถนนคนเดิน Nishinaka Street หรือ Monja Street แห่งนี้ จะขายอาหารกะทะร้อน นั่นก็คือ Monjayaki เป็นหลัก และอาจจะมีบางร้านที่ขาย Okonomiyaki ด้วย มีร้านส่วนน้อยที่มีคนต่อคิว เพราะออกรายการทีวีญี่ปุ่น เลยมีคนตามรอยมากินกัน ไม่ได้หมายความว่าร้านอื่นจะไม่อร่อยนะครับ ลองเดินดูให้ทั่วก่อนก็ได้ รับรองตาลายแน่นอน

ช่วงเช้าไปเที่ยวตลาดปลา ก่อนข้ามคลองไปเกาะดวงจันทร์
เดินเที่ยวย้อนยุคที่เกาะ Tsukishima พากิน Monjayaki สุดอร่อย

ที่เมืองโทจิงิ มีการใช้ "พาสปอร์ตท่องเที่ยว 1 วัน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ" เป็นสิทธิพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น
พาสปอร์ตนี้ มีสิทธิพิเศษที่สามารถใช้ได้กับสถานที่ต่างๆ 40 แห่งภายในตัวเมือง โดยดูได้จากสติกเกอร์ "TOCHIGI CITY ONE DAY
CITIZEN PASSPORT" ที่จะติดอยู่หน้าร้าน


มีสิทธิพิเศษที่อยากจะแนะนำ 3 ข้อ
ข้อแรก คือ จะได้รับภาพถ่ายขณะใส่เสื้อคลุมฮันเท็นและวิกผมทรงคะทสึระที่ท่าเรือของเรือชุมวิวเมืองแห่งคุระเป็นของที่ระลึก !
นอกจากนี้ยังจะได้รับส่วนลดค่านั่งเรือชมวิว 100 เยน
ข้อที่สอง สามารถเข้าชมบ้านโยโกะยามะได้ฟรี
บ้านโยโกะยามะเป็นบ้านพักอาศัยของตระกูลพ่อค้าโยะโกะยามะ ซึ่งเป็นตระกูลที่ประกอบกิจการร้านขายผ้าใยกัญชงและธนาคารในสมัยเมจิ เป็นสถานที่ที่ได้รับการจดบันทึกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพลิดเพลินและทำให้นึกถึงประเทศญี่ปุ่นในสมัยเมจิ
ข้อที่สาม รับกาแฟฟรีที่ตลาดโคะเอโดะ มีกาแฟให้ฟรีท่านละ 1 แก้ว นำบัตรไปรับได้เลยค่ะ
พาสปอร์ตส่วนหนึ่ง จะมีพื้นที่ให้ปั๊มตรายาง สามารถเข้าร่วมกิจกรรมแสตมป์แรลลี่เพื่อสะสมตรายางที่ระลึกได้ โดยจะมีตรายางวางอยู่ที่สถานที่ท่องเที่ยว 6 จุด ภายในเมืองโทจิงิ
สำหรับท่านที่สะสมตรายางได้ 4 อันขึ้นไป จะได้รับผ้าเช็ดมือและโปสการ์ดขององค์กรการท่องเที่ยวเมืองโทจิงิเป็นของที่ระลึก
พาสปอร์ตท่องเที่ยว 1 วัน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีไว้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายขณะเที่ยวรอบตัวเมืองโทจิงิ
ลองใช้บัตรนี้แล้วเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆในเมืองโทจิงิกันดูนะคะ
【พาสปอร์ตท่องเที่ยว 1 วัน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ】
สถานที่รับบัตร:ศูนย์แนะนำการท่องเที่ยวสถานีโทจิงิ, องค์กรการท่องเที่ยวเมืองโทจิงิ
ติดต่อสอบถาม:องค์กรการท่องเที่ยวเมืองโทจิงิ โทร:0282‐25‐2356
***ดอกอาซาเลีย http://www.kanuma-kanko.jp/asobu/leisure_details6.shtml

----

เค้ามีดอกที่ขึ้นชื่อคือ ดอกฟูจิ (Wisteria) คือ Ashikaga Flower Park จังหวัดโทชิกิ
กำหนดการงานชมดอกฟูจิวิสทีเรีย ในปี 2015 => 18 เมษายน – 17 พฤษภาคม 2015

09:00-18:00 น., ธ.ค.-ก.พ. เวลา 10:00-17:00 น.

//กลาง เม.ย.-พ.ค. 900-1,700 เยน ค่าเข้าแพงตามความบาน

www.ashikaga.co.jp
ashikaga wisteria 02

หลายจุดภายในสวนอะชิคากะ (Ashikaga Flower Park)

จะสะพรั่งไปด้วยดอกฟูจิหรือวิสเตียเรีย (Wisteria) หลากสีหลายสายพันธุ์
ทั้งดอกสีชมพูอ่อน (Usuben fuji), ดอกสีม่วง (Murasaki fuji), แบบเถาห้อยยาว (Naga fuji),
แบบกลีบซ้อน (Yae kokuryu), ดอกสีขาว (Shiro fuji) รวมถึงดอกสีเหลือง (Yellow wisteria)
ว่ากันว่าเป็นพันธุ์ที่นำเข้ามาจากออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ รู้จักกันในชื่อ Golden chain หรือ Common laburnum นอกจากเป็นจุดชมวิสเตียเรีย (Wisteria) ที่มีชื่อเสียงแล้ว ในช่วงนี้ยังมีทั้งดอก Azelae และดอกโบตั๋น (Peony) ที่บานอวดสีสันและสร้างความสดใสเรียกแขกได้ไม่แพ้กัน



 วิธีการเดินทาง จากโตเกียว ทำได้ 2 วิธีคือ

ตั้งต้นที่สถานี Tokyo นั่งรถไฟ Shikansen ลงที่สถานี Oyama (42 นาที 3440 เยน) และต่อรถไฟสาย JR Ryomo ลงสถานี Tomita (32 นาที 570 เยน) และเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที (เหมาะสำหรับผู้ที่ถือ JR Pass, JR East Pass และ JR Kanto Pass)


ตั้งต้นที่สถานี Tobu Asakusa นั่งรถไฟสาย Tobu Ryomo ขบวน Limited Express ลงที่สถานี Ashikagashi (75 นาที 1940 เยน) และนั่งรถบัสต่อไปที่สวน 300 เยน
เดินอีกประมาณ 15 นาที

สำหรับผุ้ที่ถือ JR Pass, JR East Pass และ JR Kanto Area Pass บัตรครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้วยรถไฟทั้งสองต่ออยู่แล้ว แนะนำว่าควรทำจองที่นั่งล่วงหน้าทุกครั้งสำหรับการใช้รถไฟชิงคันเซ็น และรถด่วนจำกัดพิเศษ โดยไม่เสียเงินเพิ่มที่แผนกตั๋วเจอาร์ซึ่งมีที่สถานีรถไฟใหญ่ๆทุกแห่ง

..... อ่านต่อได้ที่:
https://www.gotoknow.org/posts/571750


กรุณาใช้สถานีโทมิตะJR สายเรียวโมะ

◎ผู้โดยสารที่ใช้เส้นทางโทบุอิเซซากิ ให้เปลี่ยนรถไฟที่สถานีคุคิ สายJRโทโฮคุก่อน จากนั้นก็เส้นทางสายเรียวโม สถานีโอยามะ
◎จากสถานีอุเอโนะ สายJR และเปลี่ยนรถไฟที่สถานีโอยามะ สายJRโทโฮคุ



Public transportJR สายเรียวโม(สถานีโทมิตะ) เดินทางประมาณ 13 นาที กรุณาใช้บริการสถานีอาชิคางะชิ สายโทบุอิเซะซาคิ




--รถประจำทาง จากสถานีอาชิคางะชิ (เที่ยวเดียว 400 เยน) วันเสาร์ที่ 18 เมษา ถึงวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภา

 ◎ช่วงเวลาเทศกาล "ตำนานดอกวิสทีเรีย" มีรถประจำทางบริการทุกวัน
(ช่วงเปิดบริการ) เสาร์ 18 เมษายน - พุธ 22 เมษายน
ออกจากสถานนีโทบุอาชิคางะชิ ฝั่งทางทิศใต้ออกจากสวนดอกไม้
9:15 9:45
10:15 10:45
11:15 11:45
12:15
13:20
13:50 14:20
14:50 15:20
15:50 เที่ยวสุดท้ายบริการถึง 16:20 น.

◎เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดราชการ จะมีรถประจำทางถึงสถานที่
(ช่วงเปิดบริการ) พฤหัสบดี 23 เมษายน - ถึงวันวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม
ออกจากสถานนีโทบุอาชิคางะชิ ฝั่งทางทิศใต้ออกจากสวนดอกไม้
9:15 9:45
10:15 10:45
11:15 11:45
12:15 12:45
13:15 13:45
14:15 14:45
15:15 15:45
16:15 16:45
17:15 17:45
18:15 18:45
เที่ยวสุดท้ายบริการถึง 20:00 น.

※ถ้ามีผู้ใช้บริการจำนวนมากก็ออกรถก่อนเวลา
※ตารางการเดินรถมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาที่ดอกไม้บานสะพรั่ง

ที่มา --
http://www.ashikaga.co.jp/fujinohana_special2015_thailand.html

-มี.ค.-กลาง เม.ย. (Spring flower festival) ฤดูแห่งทุ่งดอกทิวลิปและ Thunberg’s meadowsweet

-กลาง พ.ค.-ต้น มิ.ย. (The rainbow garden) ช่วงนี้เป็นสวรรค์ของคนรักกุหลาบที่มีดอกกุหลาบหลากสีให้ชม นอกจากนี้ยังมีดอก Rhododendron หรือดอก Clemstic ที่จะออกดอกไปจนถึงเดือนตุลาคม

----
กินมื้อเย็นที่เอ้าทเลท sano outlet -- ที่นี่มีร้านอาหาร รถเข็นขายอาหาร และร้านกาแฟประมาณ 15 ร้าน นักช้อปสามารถพักเหนื่อยและรับเครื่องดื่ม ก่อนที่จะออกไปช้อปอีกครั้ง มีร้านอาหารนานาชนิด รวมทั้งร้านอาหารที่เป็นสาขาจากต่างประเทศเช่น Bagel & Bagel, Kua'aina และ California Pizza Kitchen และร้านอาหารญี่ปุ่นเช่นอุด้ง โซบะ ทาโกะยากิ และ ไทยะกิ
---
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้เวลาเที่ยวรอบๆ พื้นที่อีกเล็กน้อย ก็สามารถไปเก็บสตรอเบอร์รี่ที่ Agri Town ซึ่งขับรถเพียงห้านาที หรือเดินยี่สิบนาที สตรอเบอร์รี่เป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของภูมิภาคโทะชิกิ และผลสตรอเบอร์รี่ซึ่งมีตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนพฤษภาคมมีขนาดใหญ่และหวานมาก ด้วยราคามากกว่าหนึ่งพันเยนนิดหน่อย (ราคาแตกต่างกันตามเดือน) คุณสามารถกินสตรอเบอร์รี่สดจากต้น ได้มากที่สุดเท่าที่คุณจะกินได้ภายในเวลาสามสิบนาที


 ---> Day 4 ไปคาวากุชิโกะกัน







ออกเดินทางจาก ชินจูกุ

สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟจากสถานี Shinjuku ไปสถานี Kawaguchiko เพื่อนๆคนไหนที่ถือ JR Pass หรือ JR Kanto Pass ก็สามารถเลือกขึ้นได้ตามสะดวก ขึ้นอยู่กับตารางเวลารถออกที่นั่งว่างด้วย


วิธีที่ 1 ขบวน Limited Express Kaiji หรือ Asuza ลงที่สถานี Otsuki (2,770 เยน) และเปลี่ยนขบวน ต่อรถไฟ Fujikyuko (1,140 เยน สำหรับขบวนธรรมดา) JR Pass ครอบคลุมถึงแค่สถานี Otsuki


วิธีที่ 2 ถ้าไปตรงกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แนะนำให้ขึ้นขบวน Holiday Rapid วิ่งตรงยาวถึง Kawaguchiko โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน สำหรับคนที่ใช้ JR Pass จะต้องชำระเพิ่มส่วนต่างระหว่างจากสถานี Otsuki

ถึง Kawaguchiko แต่จะเต็มไวมาก เพราะจะมีวันละ 1 รอบ
 (ขาไปออก 8.14 ถึง 10.36 ส่วนขากลับออก 16.00 ถึง 17.59)

วิธีที่ 3 ส่วนถ้าอยากวิ่งตรง ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน สามารถขึ้น Ozashiki Shibazakura Festival ได้ด้วยเช่นกัน ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้า ตรวจสอบตารางเวลาได้จากเจ้าหน้าที่

และจะต้องจ่ายค่าที่นั่งเพิ่มอีกคนละ 1500 เยนต่อเที่ยว
---
Tips ที่ Lobby โรงแรมมักจะมีบัตรลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวใน Kawaguchiko อยู่ค่ะ อย่าลืมไปเอามาใช้น้าาา ---

ระหว่างวันที่ 19 เมษายน – 1 มิถุนายน 2014 จะมีรถบัสเที่ยวพิเศษวิ่งตรงจากชินจูกุถึงสถานที่จัดงาน สำหรับไปชม Shibazakura โดยเฉพาะ ชื่อรถบัสเรียกว่า Chuo Highway Bus Direct to Fuji Shibazakura Festival 富士芝桜まつり会場直通中央高速バス ราคาเที่ยวละ 2200 เยน ไปกลับ 4400 เยน




ขาไป จาก Shinjuku Chuo Bus Terminal เวลา 7.30 น. ถึงสถานที่จัดงาน เวลา 9.54 น.
ขากลับ จากสถานที่จัดงาน เวลา 13.30 น. ถึงท่ารถบัส เวลา 16.25 น.






วิธีการเดินทาง มีรถ Shuttle Bus ‘Shibazakura Liner’ ให้บริการจากสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มีตั๋วคอมโบจำหน่ายราคา 1900 เยน โดยรวมค่ารถไป-กลับ และค่าเข้าชมไว้เรียบร้อยแล้ว

 


เป้าหมายหลักคือ



มีกำหนดการจัดขึ้นในวันที่ 18 เมษายน – 31 พฤษภาคม ช่วงเวลาตั้งแต่ 8.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม 520 เยน (เด็ก 210 เยน) สถานที่ชม: รีสอร์ท Fuji Motosuko จังหวัด Yamanashi

ลองเช็คการบาน
http://www.shibazakura.jp/eng/index.html
http://www.shibazakura.jp/eng/aboutus/

บริเวณของสวนที่ใช้จัดงานเทศกาล Fuji Shibazakura มีทางเข้า 2 ทาง ต้องเดินเข้าไปให้ถึงด้านในสุด

 เพื่อที่จะได้มุมภาพแบบพาโนรามาของสวน Shibazakura และ ฟูจิซัง / มีมุมให้นั่งแช่เท้าชมวิว (ค่าบริการคนละ 100 เยน) / มีไปรษณีย์พิเศษที่เราสามารถซื้อโปสการ์ดส่งไปหาคนทางบ้านได้ด้วย / นอกจากนี้ด้านในยังมีซุ้มขายอาหารที่คัดสรรมาสำหรับงานนี้อย่างเป็นพิเศษ

 เข้าสู่เว็บไซต์ทางการ >>
Shibazakura.jp



  ชมดอกไม้แล้วก็อยู่ที่นี่หนึ่งคืน 

รีสอร์ทที่เห็นรีวิวบ่อยก็ sunnide

  เตรียมตัวนั่งรถชมทัศนียภาพรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ ที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะมีรถสำหรับนักท่องเที่ยวคือ Reto Bus มีสองสายวิ่งรอบทะเลสาบ Kawaguchiko และรอบทะเลสาบ Saiko
แนะนำให้เพื่อนๆซื้อ Pass ครับ ใช้ได้ 2 วัน 

เราจะเที่ยวเฉพาะรอบ Kawaguchiko อย่างเดียว ไม่ได้ไปทางด้าน Saiko
ก็จะซื้อ Pass เฉพาะทางด้าน Kawaguchiko
ผู้ใหญ่ ¥1,000 เด็ก ¥500

ถ้ามี Fuji-Hakone Pass มาแสดง จะได้รับส่วนลด 20% ก็เหลือ ผู้ใหญ่ ¥800 เด็ก ¥400
รถเที่ยวแรกจะออกมาจากหน้าสถานีรถไฟ Kawaguchiko 9 โมงเช้า วิ่งไปสุดทางที่ป้าย 21 แล้ววนกลับไปหน้าสถานีรถไฟอีกที


Website :
http://transportation.fujikyu.co.jp/english/gettingaround/retro_bus.html


กลับมาเที่ยว Kawaguchiko
o ป้าย 11: Sightseeing Boat Ropeway Ent.
o ป้าย 17: Kawaguchiko Music Forest Museum
o ป้าย 20: Sunnide Resort / Nagasaki Park Ent. (มีคนบอกถ่ายรูปตอนบ่ายไม่ย้อนแสง)
o ป้าย 22: Shizen Seikatsu-kan (Natural Living Center)


ราคาตั๋ว Retro Bus : 1,000yen ต่อคนใช้ได้ 2 วัน


Bus stop 21

Kawaguchiko Shizen Seikatsukan Bus stop ป้ายสุดท้ายของทะเลสาบคาวากูจิมี Natural Living Center ร้านขายของสิ่งค้าท้องถิ่นและของฝากต่างๆให้เลือกสรรค์ พร้อมมีที่นั่งทานกาแฟซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนพร้อมบรรยากาศผ่อนคลาย ถ้ามีเวลาและอากาศดีสามารถที่จะเดินเล่นไปถึงสวน Oishi Park ได้อีกด้วย จาก Bus stop 21




อุโมงค์ต้นไม้ที่สถานี 17 Kawaguchiko Sarumawashi Gekijo Konohana Bijutsu-kan

 10 Yuransen Ropeway Iriguchi --กินข้าว/ขนม Cheese Cake Garden ตอนที่ไปคนน้อยค่ะ ก็เลยตัดสินใจนั่งทานขนม จิบชายามบ่ายกันที่ร้านนี้้เลย/มีเรือถีบ


Bus stop 10

Yuransen Ropeway Iriguchi Bus stop Mt.Tenjo มีกระเช้าไฟฟ้า Kachi Kachi Ropeway มองเห็นวิวทะเลสาบคาวากูจิและภูเขาไฟฟูจิได้อย่างงดงาม สัญลักษณ์ของกระเช้านี้เป็นรูปกระต่ายที่มีประวัติเล่าขาน

หรือใครที่อยากจะชมความงามอีกแบบหนึ่งก็มีเรือนำเที่ยวให้บริการเพื่อที่จะชมทัศนียภาพโดยรอบกลางทะเลสาบ

ป้ายหมายเลข 10 นี้ฝั่งตรงข้ามกับสถานีกระเช้า ก็เป็นท่าเรือที่สามารถลงไปนั่งเรือล่องทะเลสาบคาวากุจิได้

เวลาลงเที่ยวในแต่ละจุดให้ดูตารางเวลาที่รถจะมาในรอบถัดไปด้วย จะได้ไม่เสียเวลารอรถ เนื่องจากรถ Retro Bus จะมาทุกๆ 30-40 นาที //นอกจากการนั่ง Retro Bus แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมรอบทะเลสาบคาวากูจิได้ด้วยวิธีเช่าจักรยาน หรือเช่ารถยนต์ โดยจักรยานสามารถเช่าได้กับโรงแรม ที่พักที่อยู่รอบทะเลสาบ

ตัวอย่างแผนการเดินทาง ป้ายรถบัส สถานที่เที่ยว
เริ่มที่สถานี Kawaguchiko

Bus stop 18 -17

Kobota Itchiku Bijutsukan Bus stop พิพิธภัณฑ์ Kobota Itchiku จัดแสดงชุดกิโมโนลวดลายงดงามที่เห็นได้ยากตามทั่วไปบริเวณจุดจอดรถริมทางเดิน มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน ในหน้าซากุระจะมีซากุระบานสะพรั่ง และในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีอุโมงค์เมเปิ้ลสีแดงสดเป็นแนวยาวอยู่ริมถนน นอกจากนั้นจะมีร้านขายของของชาวบ้านแถวนั้น ซึ่งสามารถที่จะเดินชมวิวได้จนไปถึงจุดจอดรถที่ 17 มีสถานที่เด่นคือ Koga Masao memorial Park อีกด้วย จาก Bus stop 17

Bus stop 16 – 15

Ukai Orugoruno Mori Bijutsukan Bus stop Kawaguchiko Music Forest จัดรวมแสดงเครื่องดนตรีจากทั่วทุกมุมโลกและกล่องดนตรีหลากหลายรูปแบบที่จัดโชว์พร้อมมีสวนย่อมสไตล์ยุโรปน่ารักโรแมนติก ที่สามารถดื่มดำไปกับเสียงดนตรี ธรรมชาติและความสวยงามที่น่าตื่นตา และยังที่จะสามารถเดินไปชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงภาพเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิ ที่มีทั้งภาพเขียนและภาพถ่ายจำนวนมาก จาก Bus stop 15


Bus stop 7

Kawaguchiko Herb Kan Bus stop Kawaguchiko Herb hall ที่อาณาจักรของสมุนไพรที่มีทั้งมุมน้ำชาสมุนไพร เครื่องหอม ที่สำคัญมีกิจกรรมให้ลองทำอีกด้วย ซึ่งมีทั้งขายที่เป็นของฝากน่ารักๆ และหากเดินเข้าไปด้านในจะพบที่รวบรวมสมุนไพรประมาณ 150 ชนิด

Pagoda Chureito (เจดีย์แดง 5 ชั้นที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ)



นั่งรถไฟสาย Fujikyu railway จากสถานี Kawakuchiko มา 2 สถานี ลงที่สถานี Shimoyoshida แล้วเดินต่ออีกประมาณ 20-30 นาที   ค่าโดยสาร 290 เยน

แนะนำโซนขอแบ่งตามป้ายรถ Retro Bus 1.โซนที่ดีที่สุดที่ได้วิวทะเลสาบและฟูจิโดยไม่มีอะไรมาบังวิว คือที่พักที่ตั้งอยู่ใน โซนป้ายรถหมายเลข 17-21 ซึ่งที่พักบริเวณนี้จะราคาค่อนข้างสูง Sunnide Resort ที่พักระดับ 5 ดาวก็ตั้งอยู่บริเวณนี้

2.โซนป้ายรถหมายเลข 14 เห็นทั้งทะเลสาบและฟูจิ แต่จะมีตีนเขาบังเล็กน้อย ,โซนป้ายรถหมายเลข 13 เห็นทั้งทะเลสาบและฟูจิ แต่จะมีตีนเขาบังฟูจิไปครึ่งลูก

3.โซนป้ายรถหมายเลขหลักหน่วยจะเห็นแต่ฟูจิ ไม่เห็นทะเลสาบครับ เพราะทะเลสาบตั้งอยู่ด้านหลัง

ที่มาแนะนำโซนขอแบ่งตามป้ายรถ Retro Bus 1.โซนที่ดีที่สุดที่ได้วิวทะเลสาบและฟูจิโดยไม่มีอะไรมาบังวิว คือที่พักที่ตั้งอยู่ใน โซนป้ายรถหมายเลข 17-21 ซึ่งที่พักบริเวณนี้จะราคาค่อนข้างสูง Sunnide Resort ที่พักระดับ 5 ดาวก็ตั้งอยู่บริเวณนี้

2.โซนป้ายรถหมายเลข 14 เห็นทั้งทะเลสาบและฟูจิ แต่จะมีตีนเขาบังเล็กน้อย ,โซนป้ายรถหมายเลข 13 เห็นทั้งทะเลสาบและฟูจิ แต่จะมีตีนเขาบังฟูจิไปครึ่งลูก

3.โซนป้ายรถหมายเลขหลักหน่วยจะเห็นแต่ฟูจิ ไม่เห็นทะเลสาบครับ เพราะทะเลสาบตั้งอยู่ด้านหลัง


Fuji Q Highland

สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นน่าหวาดเสียวเหมาะสำหรับวัยรุ่น แต่ก็มีเครื่องเล่นน่ารักสำหรับเด็กเช่นกัน


----->Day 5 Fuji Q...ไม่ควรตรงวันหยุดนะ



ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) เป็นสวนสนุกที่อยู่ใกล้ภูเขาฟูจิ

อยู่ในเมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยะมะนะชิ หากขึ้นเครื่องเล่นไปคุณจะมองเห็นภูเขาฟูจิเสมอ
 
ค่าบัตรเข้าผู้ใหญ่ 4,500-5,000 เยน  เด็ก 3,700 เยน หรือจะซื้อบัตรเข้าเฉยๆ 1,200 เยน
 แล้วถ้าจะขึ้นเครื่องเล่นก็ไปซื้อแยกอีกทีก็ได้ครับ (เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบเครื่องเล่นหวาดเสียวครับ)
ถ้าซื้อสองวันราคาจะถูกลงไปอีก (ดูราคาได้จากลิงค์ข้างล่างครับ)
วันธรรมดาจะเปิด 9.00 – 17.00 น. วันหยุดเปิด 9.00-20.00 น. แต่ถ้าเป็นช่วง Summer เปิด 8.00 – 21.00 น.

ห้ามพลาด..ถ้ายูวว์ไหวนะ
FujiyamaFUJIYAMA
Fujiyama เคยเป็นรถไฟเหาะสูงที่สุดในโลก สถิติล่าสุดเมื่อปี 2007 ตกลงมาอยู่ที่อันดับ 8 ของโลก เป็นรถไฟเหาะที่ยาวที่สุดอันดับ 5 ของโลก และเป็นรถไฟเหาะที่เร็วที่สุดอันดับ 10 ของโลก 1,000円
 

Dodonpa เปิดในปี 2001 มีความสูง 52 เมตร ความเร็ว 172 km/h Dodonpa เคยเป็นรถไฟเหาะเร็วที่สุดในโลก จากสถิติล่าสุดในปี 2007 ตกมาอยู่ที่อันดับ 3 แต่ก็ยังคลองสถิติการมีเร่งสูงสุดที่เวลาการเปิดตัวอยู่ครับ
 และ ทิ้งตัวที่ 90 องศา การออกตัวจะนับ 3.2.1 แล้วกระชากวืดดดด ที่ 172km/ชั่วโมง.....เหวอ...วู้ววว มันมาก!!!! เล่นแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเลย 555  1,000円

Eejanaika
Eejanaika เปิดในปี 2006 มีความสูง 76 เมตร ความเร็ว 126km/h Eejanaika เป็นรถไฟเหาะชนิด 4 มิติ มีการหมุนมากที่สุดในโลก โดยหมุนรอบทิศทางถึง 14 ครั้งในระยะทาง 1.153 เมตร 1,000円
 

Takabisha มีความเร็วถึง 100 km/h Takabisha เปิดเมื่อปี 2011 ได้รับการบันทึกว่าเป็นรถไฟเหาะที่มีความชันมากถึง 121 องศา ก่อนจะตกลงมาในความสูง 43 เมตร 1000円

Labyrinth of Fear
Labyrinth of Fear (บ้านผีสิง) ถือบ้านผีสิงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่นั้นคือโรงพยาบาล ว่ากันว่าเคยเป็นโรงพยาบาลเก่ามาก่อน แล้วประสบภาวะขาดทุนจึงได้ปิดตัวลง ก่อนที่จะถูกดัดแปลงให้เป็นบ้านผีสิง (เคยมีหนังเรื่อง The Shock Labyrinth Extreme 3D มาถ่ายทำในสถานที่นี้) และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสวนสนุกแห่งนี้ ว่ากันอีกว่าอุปกรณ์ทุกอย่างนั้นเป็นของจริงทั้งหมด! บรรยายกาศทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของจริง! หากเข้าไปแล้วเจอเสียงแปลกๆ หรือกลิ่นแปลกๆ คุณอาจจะไม่รู้เลยว่าคือของจำลองหรือของจริงกันแน่!
  500円(フリーパス不可)


 500円


Tondemina 800円

เสียค่าเช่ารองเท้าไป 1000 เยนค่ะ
 パニック・ロック
Panic Rock!!!!
500円

อย่างไรก็ดี วิธีบริหารเวลาในสวนสนุก Fuji-Q แบบคุ้มค่า คุ้มเวลา ต่อคิวน้อย ได้เล่นเยอะ ก็ยังพอมีอยู่ จากที่ไปมาด้วยตัวเอง ได้เล่นเครื่องเล่นทั้งหมด 9 เครื่อง (10 ครั้ง) ใช้เวลาตั้งแต่ 9.30 น. – 15.45 น. โดยใช้เทคนิคดังต่อไปนี้
https://2baht.com/fuji-q-highland-plan/

2) เมื่อสวนสนุกเปิด จงวิ่งไปซื้อบัตร Free Pass

บัตร Free Pass เป็นบัตรที่ทำให้เราไม่ต้องต่อคิวยาวๆ แต่เป็นบัตรที่ราคาค่อนข้างสูงอยู่ (เครื่องละ 1,000 เยน และใช้ได้แค่ครั้งเดียว) ดังนั้น เพื่อความประหยัด ควรซื้อเฉพาะเครื่องที่เป็นเครื่องเล่นตัวท็อป ได้แก่ Eejanaika, Dodonpa, Takabisha และ Fujiyama หรือถ้ามีงบมากกว่านั้นจะซื้อหลายใบก็จัดไป แต่หนึ่งคนซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 9 ใบ และบัตรมีจำนวนจำกัดในหนึ่งวัน จึงต้องรีบวิ่งไปซื้อตั้งแต่สวนสนุกเปิด
จุดซื้อบัตร Free Pass จะอยู่ในกลางสวนสนุก ถ้าเข้ามาทางประตู 1 ให้วิ่งตรงมาแล้วมองด้านขวา บูธที่ซื้อตั๋วจะมีหน้าตาเป็นแบบนี้
ตัวอย่างลำดับการเล่นเครื่องเล่นของผู้เขียน
เผื่อใครอยากทราบ ผู้เขียนใช้เวลาตั้งแต่ 9.30 – 16.00 น. เล่นเครื่องเล่นได้ 9 เครื่องเล่น รวม 10 ครั้ง ดังต่อไปนี้
mad mouse –> panic clock –> red tower –> hamtaro –> takabisha (ใช้ Free Pass) –> takabisha (เข้าคิวราวๆ 1 ชั่วโมง) –> eejanaika (ใช้ Free Pass) –> dodonpa (ใช้ Free Pass) –> wave swinger –> Tondomenia (วันที่ไป เครื่องเล่น Fujiyama ปิดช่วงบ่าย น่าเสียดายมาก)

สวนสนุกตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Fujikyu Highland Station(Fujikyu Railway Line) ระหว่าง Otsuki Station และ Kawaguchiko Station

จาก Kawaguchiko Station นั่งรถไฟไปประมาณ 2 นาที 170 เยน รถไฟออกชั่วโมงละ 2-3 รอบ ไม่สามารใช้ตั๋ว JR Pass ได้


จาก Shinjuku, Tokyo Station และ Yokohama Station นั่งรถบัสทางด่วนที่มายังทะเลสาบ ไปลงที่ Fuji-Q Highland สามารถหาซื้อตั๋วรวมค่าเดินทางและค่าเข้าสวนสนุกได้ที่สถานี


รถบัสท้องถิ่น retro bus สาย Kawaguchiko Line ไปลงที่ Fuji-Q Highland และ Fujiyama Onsen
ต้องจองตั๋วล่วงหน้า https://www.fujiq.jp/en/ticket/
----->Day 6 sendai

จุดชมซากุระ


เมือง Sendai : จะมี 4 สวนที่ดังเรื่อง sakura คือ Aobayama park,
Nishi park, Tsutsujigaoka park, Mikamine park
- เมือง Shibata : ที่ดังที่สุดก็ต้อง Funaoka castle ruin park
- เมือง Ogawara : ที่ริมฝั่งแม่น้ำ Shiroishi




คือมัน full bloom ไปกลางเดือน ปลายเดือนน่าจะโรยหมดแล้ววว หึหึ
ทางเหนือของภาคโทโฮคุ (Aomori Akita Iwate) ดอกซากุระจะบานในช่วงสิ้นเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะทางฝั่งที่มีภูเขาอย่าง ภูเขา Zao หรือ ภูเขา Hachimandaira จะสามารถชมซากุระท่ามกลางหิมะ ทิวทัศน์แบบนี้สามารถหาชมได้ที่ภาคโทโฮคุที่เดียวเท่านั้น
http://www.sendai-oishi.jp/th/index.htmlลองแพลนที่เที่ยวอิ่นถ้าไม่เจอซากุระ
----
'
โตรกธาร Rairaokyo

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 ก็ไปเดินตลาดกันต่อที่ตลาดปลา Shiogama หรือ Shiogama Marine Products Wholesale market
塩釜水産物仲卸市場 จาก Shiogama Shrine ก็ไม่ยากเลยค่ะ นั่งรถไฟสาย Senseki จากสถานี Honshiogama มาลงที่ Higashi-Shiogama เดินประมาณ 20 นาทีเช่นกัน..

OLYMPUS DIGITAL CAMERA
เท่านั้นยังไม่พอ.. จากตลาดปลา Shiogama เราไปอิ่มอร่อยกันต่อที่ร้าน Uochoutei ใน Marine Gate Shiogama สนนราคาไม่แพงค่ะ ข้างหน้าทะเลต่าง ๆ อยู่ที่ประมาณ 1,000 – 2,000 เยน ขึ้นอยู่กันว่าต้องการเครื่องตู้มแค่ไหน 
OLYMPUS DIGITAL CAMERAOLYMPUS DIGITAL CAMERA

มากันที่ Marine Gate Shiogama เพราะเราจะมาล่องเรือชมอ่าว Matsushima ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่นค่ะ โดยใช้เวลาล่องเรือจาก Shiogama สิ้นสุดที่ท่าเรือ Matsushima ประมาณ 50 นาที
เส้นทางนี้เรียกว่า
Basho Cruise เพราะเป็นเส้นทางตามรอยครูกวี Matsuo Basho เคยล่องเรือชมอ่าว Matsushima เมื่อหลายร้อยปีก่อน.. 

 ช็อปปิ้งจ้า ซึ่งก็คือที่ Mitsui Outlet Park Sendai Port เป็น Outlet ที่ใหญ่ที่สุดในแถบโตโฮกุเชียวนะ
การเดินทางไม่ยากเลยค่ะ รถไฟสาย Senseki นั่นแหละ นั่งมาลงสถานี Nakano-Sakae แล้วเดินนิดนึงค่ะ
Sendai Station→ JR Senseki Line, 18 minutes→ Get off at "Nakano-Sakae Station"→ an 8 minute walk from the station
สองร้านแรกอยู่ในเมือง ลองให้พนงรรชี้จุดให้จะง่ายกว่า
1 SPC仙台クリスロード店 仙台市青葉区中央2-2-25

2 仙台市青葉区中央2-7-28 メルビル1F    Tel   022-263-7717
3 Mitsui Outlet 仙台市宮城野区中野出花123    Tel 022-355-8800
นั่งรถไฟสาย Senseki จากสถานี Sendai ลงสถานี Nakanosakae แล้วเดินต่อไปอีก 8 นาที
 เพิ่มเติมชื่อค่ะ  MITSUI OUTLET PARK SENDAI PORT ถ้าจำไม่ผิดเราเดินข้ามถนนหน้าสถานี Nakano Sakae Station
แล้วเดินตรงไปอย่างเดียวค่ะ ไม่ได้เลี้ยวไปไหนเดินไปสักพักก็จะเจอเลย

OLYMPUS DIGITAL CAMERA
แน่นอนว่ามาถึงเมืองหลวงแห่งลิ้นวัว อาหารเย็นมื้อแรกของเราก็ต้องเป็นลิ้นวัวค่า.. ณ ร้าน Beko-Masamune
อยู่ Nakakecho Center Machi ชั้น2 จากสถานีเซนไดไม่ไกลเลย พิกัดตามนี้เลยค่ะ http://goo.gl/maps/y1MqB
OLYMPUS DIGITAL CAMERAOLYMPUS DIGITAL CAMERA
ร้าน Ginno-An เป็นร้านไทยากิยอดนิยม (เครือเดียวกับGindaco นั่นแล) มีหลายสาขาทั่วประเทศ ตอนนี้ออกเมนูใหม่ที่ผู้คนคลั่งไคล้เข้าคิวรอ นั่นคือ.. ครัวซองไทยากิ ตัวละ 200 เยนเท่านั้น..
เห็นทีแรกก็จด ๆ จ้อง ๆ กลัวจะไม่เวิร์ก แต่พอกัดเข้าไปเท่านั้นแหละ.. อร่อยเลย =P
Syokeikaku
Syokeikaku
ชมสวนจากห้องที่ตกแต่งเป็นห้องหนังสือพร้อมกับลิ้มรส “ อาหารหิ้งแห่งSendai ”
ด้วยอาหารพื้นเมืองต่างๆที่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักตามหิ้งตามแบบอาหารจากหิ้ง
เที่ยง ¥3000 ,อาหารเย็น ¥ 4000 พนักงานพูดภาษาอังกฤษและจีนได้
ประมาณ 40 นาทีโดยรถบัสจากสถานี Sendai (มีรถรับส่งไม่คิดค่าบริการออกจากทางออก
ตะวันตกของสถานีซึ่งต้องจองล่วงหน้า 1วันสามารถเหมาจองได้ถ้าเกิน10คน)
11:30 – 15:00, 17:00 – 20:00 วันธรรมดา อาหารเย็นต้องจองล่วงหน้า
----
ถ้าโชคดีเจอซากุระ

พยากรณ์ซากุระบานที่ญี่ปุ่น 2016 (4 ก.พ. 59)
https://2baht.com/japan-sakura-bloom-2016/

จังหวัดยามากาตะ
ระยะทาง 43 กิโลเมตรจากนันโยชิ – อากายุ จนถึงย่านชิราทากะ เมืองนากาอิชิ
ก็จะพบกับซากุระสวยงามมากมายจนได้ชื่อว่า “เส้นทางชมซากุระโอกิทามะ”
[ช่วงเวลา: ปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม]
------
ถ้าถามผมว่าคุ้มไหมที่ต้องยอมตื่นเช้ามา เพื่อไป-กลับโตเกียวให้ทันใน 1 วัน หลายคงคงได้คำตอบจากภาพแล้วนะครับ ยิ่งถ้าใครมี JR PASS ในมือ มาเถอะครับ ค่ารถไฟไป-กลับ โตเกียว-ฟุนาโอกะ ราคา 22,000 เยน ต่อให้ใช้วันนี้แล้วพาสหายยังคุ้มเลย
-----

 หลังจากลง Shinkansen ที่ Sendai แล้วให้นั่ง JR ไปสถานี Funaoka
พยายามอย่าพลาดรอบรถที่นี่นะครับ เพราะมีน้อย นานๆจะมาอีกคัน
ระหว่างทางจะมีซากุระให้เห็นบ้างเป็นระยะ ทำเอาจิตใจไม่ค่อยดีว่าที่ปลายทางจะมีหรือไม่

เดินขึ้นเขาไปชมวิวซากุระจากมุมสูงที่ Funaoka castle ruin park


สตรอเบอร์รี สด ถูก และหวานกว่าที่อาเมะโยโกะมาก ผมถ่ายมาไม่ค่อยดี เพราะจริงๆแล้วกล่องนึงมีประมาณ 2-3 ชั้น ราคา 400 เยน

เราเลือกมานั่งทานข้าวริมแม่น้ำ Shiroishi ตาม Course ที่ 2
ตรงนี้วิวสวยมาก สมกับสมญานาม 1 ตา 1000 ต้นจริงๆ นั่งทานข้าวกันไป รับลมไป หลับครับ


 การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR สายTohoku ใช้เวลาประมาณ2.30ชั่วโมงครึ่ง
ลงสถานี Funaoka เราเที่ยวแบบ เช้าไป-เย็นกลับ

ที่จริงสามารถเดินชมซากุระ จากสถานี Funaoka>>>>>
สถานี Ogawara ได้เลยนะคะ ระยะทางประมาณ3กิโล

เราเดินมาจาก funaoka joshi นะคะ เดินไปถึงสถานี funaoka เลย
ถ้าจากสถานีฟุนาโอกะ เราคิดว่าต้องเดินไปถึงกลางๆเลยอ่ะค่ะ ที่มันจะมีสะพานลอย
แล้วมันจะข้ามไปถึงฝั่ง funaoka joshi ได้ แต่ต้องเดินขึ้นเขาไปนิดหน่อย
แล้วผ่านจุดชมวิวที่เป็นต้นสนอะไรซักอย่างไปน่ะค่ะ
มันจะเจอทางขึ้น slope car เลยค่ะ เพราะเราเดินมาจากทางนั้น เจ้าหน้าที่บอกค่ะ
เราคิดว่าใกล้กว่าย้อนไปสถานี funaoka ค่ะ
จากหน้าสถานี funaoka เรียกแท็กซี่ขึ้นไปเลยจะดีกว่าค่ะ พันกว่าเยน
ถ้าจำไม่ผิด คือถ้าเดินเนี่ยไกลนะ
แท็กซี่จะไปจอด หน้าทางขึ้น Slope car เลย ค่า Slpoe care ไป-กลับ 500 เยน


ตลาดเช้าเชนได
มาเดินเล่นกันต่อที่ตลาดเช้า Sendai Asaichi



สถานีเซนไดก็ใหญ่ไม่เบาเหมือนกัน


คนญี่ปุ่นแนะนำมาคือ กินลิ้นวัว เห็นว่าที่เซนไดขึ้นชื่อเรื่องลิ้นวัว กินร้านไหนก็ได้อร่อยทั้งนั้น นอกนั้นที่อ่านเจอในเน็ต(ภาษาไทย)คือ หอยนางรมและลูกชิ้นปลา ที่ว่าแถบ Matsushima และเซนไดนี้ดัง

ก่อนอื่นมาถึงหิวๆก็ประเดิมลิ้นวัว(Gyuu-tan = 牛タン)กันก่อนเลย นั่งโต๊ะแล้วก็ดูเมนูสั่งกันเลย ร้านนี้จะเป็นลักษณะของ tei-shoku (อาหารชุด) ซะมาก จริงๆมีร้านเดียวกันอยู่อีกชั้นด้วย แต่ร้านนั้นดูเหมือนจะเป็นลักษณะของ yakiniku คือให้ย่างเอง ไม่ทันได้ลองแต่คิดว่าครั้งแรกให้เค้าย่างให้อย่างนี้ดีแล้วล่ะ

เมนูมีทั้งคาเร(แกงกะหรี่)ลิ้นวัว มีทั้งแบบชุบแป้งทอดอะไรสารพัด

ร้านริกิวสาขาสถานีรถไฟเซ็นได เปิด 10.00-22.30

อาหารแนะนำก็จะมีข้าวแกงกะหรี่มะเขือเทศลิ้นวัวและแกงกะหรี่เอ็กตร้าสไปซี่ลิ้นวัว - See more at:
http://www.dotpng.com/2014/01/tohoku1-sendai/#sthash.zU4Bqr7k.dpuf




รอประมาณ 30นาที ก็ได้เข้ามานั่งกินแล้วครับ







เมนูสุดยอดของร้าน ลิ้นวัวคิวามิย่าง ผมสั่งแบบลิ้น 3แผ่นหั่น 6ชิ้น 1,995เยน -



เมนูที่น้องผมสั่ง ริกิวฮาล์ฟเซ็ต 1,575เยน ในเซ็ตประกอบไปด้วย ลิ้นวัวย่าง แกงกะหรี่(หรือสตู หรือมินิโทเมโต้ซอส) สลัด ซุปหางวัว ข้าว - See more at:
http://www.dotpng.com/2014/01/tohoku1-sendai/#sthash.zU4Bqr7k.dpuf



ข้าวหน้าลิ้ววัว



เกี๊ยวซ่าลิ้นวัว



สลัดลิ้นวัว ชอบเมนูนี้มากครับ น้ำสลัดเข้ากับลิ้นฝานบางๆย่างแบบทาทากิ รสชาติแบบญี่ปุ่น สุดยอดเลย

มื้อดึกต้องลองอีกหนึ่งเมนูเด็ดของเซนได ...มากันที่ร้าน Marutaku //ร้าน Marutaku มีเมนูเด็ดของเซนไดคือ ...หอยนางรมนั่นเอง

 

ชูชิหูฉลาม



ดูในรูป





อุนิ คำล่ะ 500เยน ที่นี่จะใช้อุนิ 2สายพันธุ์ผสมกันครับ พันธุ์มุระซากิ(สีเหลืองๆ) และ เอโซบาฟุน(สีส้มๆ) อันนี้อร่อยสดหวานดี -



ยากิโทโร่ คำล่ะ 600เยน หอมกลุ่นละลายในปาก



และแล้วของที่อยากลองก็มาแล้วครับ นั่นก็คือฟุกะฮิเรซูชิ หรือซูชิหูฉลาม!!!!!!!

(คำล่ะ 800เยน เนื่องจากเมืองเคเซ็นนูมะเมืองทางด้านตะวันออกของจังหวัดมิยากิ
เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องหูฉลาม ดังนั้นในแถบนี้จึงมีเมนูนี้อยู่ด้วย

อีกแบบคือแบบปรุงรสเป็นเส้นๆแล้วทำเป็นกุงกังมากิครับ (700เยน)

แต่ของผมที่สั่งเป็นแบบพิเศษใส่ทองคำเปลวด้วย (1000เยน) - 
-----
 ช้อปปิ้งถนนคริสโร้ด



ที่นี่ก็มีร้านริกิวอีกสาขานึง (คนก็ต่อคิวเยอะเช่นกัน)



ขนมร้านกินโนะอัน เป็นร้านขายขนมไทยากิ ไหนๆก็ไหนๆก็ต่อคิวรอซื้อด้วยซะเลย



Ref--

---->  Day 7 -- Tokyo

Daikanyama
Daikanyama ( ไดคังยะมะ ) 「代官山」 น่าจะเป็น สถานที่ ยอดนิยม ในอันดับต้นๆเป็นแน่
ด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างสะอาด-สงบ-โล่ง-สบาย และมี ร้านค้า ร้านอาหาร ให้เลือกซื้อหลากหลาย
DSC_4462

ถ้าคุณเบื่อความวุ่นวายของชิบุย่า เราขอแนะนำให้คุณนั่งรถไฟมาเพียง 1 สถานีจากชิบุย่า
 คุณก็จะพบกับ ย่านช้อปปิ้งน่ารักที่สงบ เต็มไปด้วยร้านเก๋ไก๋ คาเฟ่น่านั่ง 

รวมถึงห้างสรรพสินค้าที่ชื่อ DAIKANYAMA T-SITE ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สถานี Daikanyama เพียง 5 นาที
ที่เป็นแหล่งรวมร้านสุดเก๋ อาทิ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายอุปกรณ์มือถือ
และร้านขายงานแนวสร้างสรรค์ มากมาย น่าเดินมากๆ
_MG_6810

เรามาสะดุดตาที่ร้าน Matsunosuke N.Y. ที่มีคนมากมายต่อแถวรอเข้าไปทาน
แสดงว่าน่าจะอร่อย เลยลองเข้าไปทานกัน

_MG_6858

การเดินทาง จากสถานีชิบุย่ามา นั่งรถไฟ Tokyu Toyoko/Minatomirai Line Local
เพียง 1 สถานี ก็จะถึงสถานี Daikanyama

 
Jiyugaoka
สำหรับสาวๆ ที่ชอบร้านน่ารัก และขนมหวาน เราอยากให้คุณเดินทางมาที่ย่าน Jiyugaoka

ย่านสุดน่ารัก ในโตเกียว เริ่มจากสถานี Jiyugaoka จะมีถนนสายเล็กๆ
ที่ชื่อ Jiyu Dori Green Street มีร้านน่ารักมากมาย

รวมทั้ง Sweet Forest ที่รวมร้านขนมหวาน รวมทั้งอุปกรณ์ในการทำขนมสุดน่า รัก จากสถานีเดินต่อไป
คุณจะพบร้านชาสไตล์เกียวโตที่น่านั่งมากๆอยู่ตรงข้ามกับ la vita แหล่งช้อปปิ้งสไตล์เวเนเชี่ยนที่สามารถ

ไปถ่ายรูปสวยๆ ได้อีกด้วย

เดินออกจากสถานีเพียงนิดเดียว ก็จะพบกับรถที่ทำเป็นร้านเครป ร้านนี้ ที่ใครๆมาก็มักจะเก็บภาพ จนกลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งหนึ่งของเมือง

ใครมาเมืองนี้ ก็อยากสัมผัสกับถนนเล็กๆน่ารักสายนี้ ที่เรียกว่า Jiyu Dori Green Street ถนนสายสั้นแห่งนี้
เปรียบเสมือนหัวใจของเมือง และจะยิ่งโรแมนติดมากๆ เมื่อเวลาที่ดอกซากุระบาน คู่รักหนุ่มสาว นิยมมาเดินจูงมือกันชมซากุระ
แต่วันนี้ ไม่มีซากุระให้ชม ภาพที่เห็นเป็นเพียงคนที่มานั่งพัก คลายอารมณ์ หรือมานั่งรับประทานอาหารจากกล่องข้าว
เดินต่อมาอีกนิดก็จะเป็นร้านโดนัทชื่อดัง ที่มีสาขาอยู่ที่ชินจูกุ

Sweet Forest หรือแปลตรงตัวก็คือ ป่าขนมหวาน

ร้านนี้ ตั้งอยู่ที่ ตึก Lacour Jiyugaka 1-3 F1 Midorigaoka Meguro ku ถ้าเราจะตรงมาจากสถานีเลย ก็ใช้เวลาเดินแบบไทยๆ สิบนาที
เปิดตั้งแต่ 10-20 น.ไม่มีวันหยุด

http://sweets-forest.com/index2.php

กินข้าวร้านนี้กัน
 
ร้านตรงข้ามที่หม่ำข้าว

ออกจากสถานีรถไฟ เราเลือกเดินออกทาง North exit ค่ะ เพราะอยากเดินดูร้านน่ารักๆแบบเรื่อยๆเปื่อยๆ

ออกมาแล้วเดินมาทางซ้ายตามทางเจอเจ้านี่ค่ะ มูจิ Shimokitazawa หรือเรียกสั้นๆ Shimokita ไปโดยรถไฟสาย Keio จาก Shibuya ลงสถานี Shimokitazawa ได้เลยค่ะ

พอเข้าไปในสถานีแล้วขึ้นคันไหนก็ได้ค่ะ เพราะไปสุดสายที่ Kichijoji เหมือนกัน ต่างกันที่ว่าเป็นหวานเย็นหรือแบบ Rapid เท่านั้นเองค่ะ
ตามสองข้างทางมีร้านเก๋ๆ แนวๆ เต็มไปหมดเลยค่ะ

เดินมาถึงนี่ Shimokita garage department เป็นที่ๆรวบรวมร้านแนวๆไว้ค่ะ


Cat Strret รูปจาก commons.wikimedia.org Cat Street ถนนสายเล็กๆ ที่เชื่อมระหว่าง Omotesando และฮาราจูกุการเดินทาง สามารถนั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro มาลงสถานี Meiji-Jingumae แล้วเดินเข้าซอยเล็กๆซึ่ง
สามารถเดินไปทะลุชิบุย่าได้
 Kichijoji




Kochijoji ย่านช้อปปิ้งสุดเก๋ และสวนสวย
จากสถานีชิบุย่าคุณสามารถนั่งรถไฟมายังสถานี Kichijoji
เพียง 6 ป้ายเท่านั้น ที่นี่มีร้านน่ารักมากมาย ทั้งร้านเสื้อผ้าของสาวๆ ร้านกระจุกกระจิก
 ของตกแต่งบ้าน ของที่ระลึก เครื่องเขียน รวมไปถึงร้านอาหารสุดอร่อย และที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่คือสวนสาธารณะ

ด้วยความที่ห่างออกมาจากตัวเมืองทำให้ตึกสูงดูบางลงไปถนัดตา บ้านเมืองแถวนี้ดูเรียบง่ายขึ้น ที่ย่าน Kichijoji นี้เป็นย่าน Shopping ที่ขึ้นชื่อเรื่อง Zakka (ซักกะ) ที่หมายถึงสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่สามารถนำไปตกแต่งไปใช้งานเพื่อเพิ่มความน่ารัก กุ๊กกิ๊ก ให้กับชีวิตประจำวันของเราได้นั่นเองครับ ^_^

ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกลองชมสินค้า Zakka จากร้านต่างๆในห้าง Atre ที่เราเจอตั้งแต่ขึ้นมาจากสถานีกันเลยครับ

เป็นไงครับพอนึกภาพสินค้า Zakka ออกกันบ้างไหม ไปเดินกันต่อดีกว่า เราเดินออกจากห้าง Atre แล้วข้ามฝั่งมาที่ ถนน Nakamichi กัน

ที่ถนน Nakamichi จะเป็นถนนเล็กๆที่ระหว่างทางจะมีร้านเสื้อผ้า เครื่องใช้ ร้านอาหารและคาเฟ่ บรรยากาศสองข้างทางจะสบายๆไม่วุ่นวายเหมือนย่านตลาดอื่นๆ และที่ไปไหนก็ต้องเจอคือคนญี่ปุ่นใช้จักรยานในการเดินทางไปไหนมาไหนใกล้ๆเสมอ ในซอยแทบจะไม่มีรถผ่านมา เห็นอย่างนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะหลงรักและอิจฉาบ้านเมืองของเค้าจริงๆครับ
เดินเล่นในถนน Nakamichi ไม่นานนัก ก็เดินออกมาตามทาง ผ่านห้าง Parco ถ้าใครอยาก shopping สินค้าแบรนด์เนมก็แวะห้างกันได้ครับ มีทั้งห้าง Parco ห้าง Marui  แต่วันนี้เราจะพาไปดูของ Zakka กัน เดินเลยไปอีกหน่อย เราจะไปเดินเล่นที่ ถนน Sun Road กันครับ

มาที่นี่ได้เดินชมสินค้า Zakka กันอย่างเต็มอิ่มจริงๆครับ เสื้อผ้าก็น่ารักๆทั้งนั้นเลย

เลยมาอีกนิด แวะมาชิมขนมกันดีกว่า ร้านนี้ก็เป็นร้านที่คิวยาวไม่แพ้ร้าน Satou ตะกี้เลย ชื่อว่า Croissant Taiyaki เป็นร้านขนม ไทยากิ ซึ่งปกติจะเป็นขนมแป้งนุ่มๆรูปปลาสอดไส้ต่างๆเช่น ถั่วแดง แต่ที่ร้านนี้เค้ามีเอกลักษณ์ที่แตกต่างคือใช้แป้งแบบขนมปังครัวซองค์มาทำแทนครับ


เมนูเค้ามีให้เลือกไม่มากแต่ที่เห็นเป็นที่นิยมมากที่สุดก็เป็น โคร็อกเกะเนื้อ ที่บอกนั่นเองครับ น่าเสียดายที่เราไม่ทานเนื้อทำให้อดเก็บภาพมาฝากกัน (สังเกตคิวในภาพเหมือนจะสุดที่ผู้หญิงคนสุดท้าย แต่อีกฝั่งถนนยังมีอีกยาวคับ เค้าเว้นที่ไว้ให้ถนเดินผ่านได้สะดวก)
เดินเข้ามาสักพักจะถึงตรงทางแยก ร้านหัวมุมในภาพนี้คือร้าน Satou Steak House ที่มีขึ้นชื่อเรื่อง เค้านำเนื้อวัวมัตสึซากะมาทำเป็นโคร็อกเกะ หรือเนื้อบดคลุกเครื่องปรุงปั้นเป็นก้อนและนำไปชุบแป้งทอดจนกรอบ คนต่อคิวยืนรอซื้อยาวมากและที่น่าประทับใจอีกอย่างคือ ตรงที่เค้าต่อคิวเป็นทางแยก เค้าก็มีการเว้นช่วงตรงถนนไว้แล้วให้คิวถัดไปยืนรอที่อีกฟากถนนต่อไปอีกครับ สมแล้วที่คนญี่ปุ่นเค้าขึ้นชื่อเรื่องระเบียบวินัย และมารยาทจริงๆ
------
ที่ย่านคิจิโจจิ จะมีร้านเครื่องสำอางร้านใหญ่ หน้า Sun Road คือ ร้าน Sun drug
เราชอบร้านนี้นะ ของเยอะ และขายถูกมาก ชอบมีโปรมาล่อใจ
kichijoji_3
kichijoji_4
ใกล้ๆกันก็จะมีร้าน Lattice ร้านที่เราชอบมากกกก (แต่ดันลืมถ่ายรูปหน้าร้านมา)
ร้านนี้เป็นร้านเครื่องประดับค่ะ ส่วนมากจะราคา 300 เยนต่อชิ้น
คือถูกมาก และสนุกกับการช้อปมากกกก น่ารักไปหมดเลย
ไม่ไกลกันก็จะมีร้านถุงเท้า ชุดนอน tutuanna
ร้านประจำอีกนั่นแหละ เพราะมันน่าร้ากกก และไม่แพง คุณภาพดีมาก
kichijoji_8
ร้านที่เราชอบสุดก็น่าจะร้าน momo นี่แหละ
อยู่ด้านในของถนนเส้นนี้ ร้านนี้ขายเสื้อผ้าน่ารักๆ แนวใสๆ Happy Girl
และแน่นอนว่า ราคาไม่แพง
 
ต่อด้วยของหวานกับกาแฟ ที่ร้าน Hara No Kitchen 「はらのキッチン」 ( ในเครือของฮาระโดนัทนั่นเอง )
DSC_5040
 
เดินเล่น ห้าง atre สาขา kichijoji
ตื่นตั้งแต่เช้า นั่งรถไฟไปสวน Kichijoji
ไปเช้ามาก เหมือนไปเปิดสวนเลยอะ
 

Inokashira ที่กว้างวาง เหมาะกับการมาเดินเล่น ปั่นจักรยาน พายเรือ ยิ่งในช่วงซากุระบานที่นี่ก็เป็นอีกจุด
ที่ชมซากุระได้สวยงามมาก





และจากสวย Inokashira คุณสามารถเดินไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จิบลิ พิพิธภัณฑ์การ์ตูนของสตูดิโอจิบลิ
ผู้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนมากมาย อาทิ My Neighbor Totoro, Spirited away ที่น่ารักและเป็นจุดหมาย
ของสาวกการ์ตูนจิบลิที่ต้องมาชมให้ได้สักครั้ง

การเดินทาง นั่งรถไฟ JR สาย Chuo Line หรือ Sobu Line ลงสถานี Kichijoji


Koenji




สำหรับสาว Vintage และคนที่ชอบช้อปปิ้งเสื้อผ้ามือ 2 ของญี่ปุ่น ต้องมาที่ย่านนี้เลยจ้า Koenji ที่มีร้าน
เสื้อผ้ามือ 2 คุณภาพดี แถมราคายังถูกด้วยมากมาย อย่างเช่นร้าน Fizz ร้านเสื้อผ้าสไตล์ยุค 70 หรือ
ร้าน Under 700 ร้านเสื้อผ้ามือสองที่ราคาไม่เกิด 700 เยน ซึ่งตามนิสัยของคนญี่ปุ่นจะเป็นคนที่ถนอม
เสื้อผ้าและของใช้และมักจะเปลี่ยนบ่อย ดังนั้นเสื้อผ้ามือสอง หรือส้นค้ามือสองของเขาจึงน่าเลือกซื้อมากๆ 
Yanesen


Yanesen เป็นย่านน่าเดินชิลๆ ทานขนม ทานของอร่อย ที่คนไทยน้อยคนจะรู้จักแต่สำหรับชาวญี่ปุ่นนั้นรู้
จักย่านนี้ดี Yanesen เป็นชื่อ ที่เกิดจากการรวมกันของ ย่าน Yanaka, Nezu และ Sendagi ที่นี่อบอวล
ไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธณรมญี่ปุ่น รวมทั้งมีร้านอาหารอร่อย แกลอรี่ศิลปะมากมาย รวมทั้ง สวนสาธารณะ
ศาลเจ้า และใกล้ๆ ย่านนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยโตเกียว หรือโทได ที่มีประวัติศาสตร์และชื่อเสียงมา
อย่างนาวนาน

การเดินทาง นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Chiyoda Line ไปลง สถานี Sendagi



Tsukishima




จากความทันสมัยในโตเกียวถ้าคุณนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Tsukishima
 คุณก็จะพบบรรยากาศแบบโตเกียว สมัยเก่าที่ยังคงให้เห็นในย่าน Tsukishima
  ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาในอ่าวโตเกียว และที่นี่ยัง ขึ้นชื่อเรื่อง Monjayaki
อาหารที่ขึ้นชื่อของโตเกียว ที่ทำจาก กะหล่ำปลีซอย, ข้าวโพดหวาน และปลาหมึกแห้ง มาผัดบนกระทะ
 ซึ่งที่นี่มีร้าน Monjayaki อยู่มากมาย




การเดินทาง นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Yurakucho Line ไปลงสถานี Tsukishima 

โอไดบะ

1. สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) เป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองโตเกียว และเกาะ โอไดบะ สามารถขับรถ เดิน หรือนั่งรถไฟข้ามผ่านสะพานนี้มาได้ สะพานนี้ ยังเป็นเครื่องหมายเชิงสัญลักษณ์ ของเกาะ โอไดบะ อีกด้วย
rainbowbridge
2. พาเลตทาวน์ (Palatte Town) ศุนย์รวมสรรพสินค้า ห้างต่างๆ และสถานบันเทิง มากมาย อาทิเช่น ห้างวีนัส ฟอร์ด (Venus Fort) ห้างที่สร้างเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าด้าน แฟชั่นต่างๆ มาให้เลือกซื้อกัน ห้างเลเชอร์แลนด์ (Leisureland) เป็นห้างที่รวบรวมศูนย์ความบันเทิง มีตั้งแต่ เกมส์ โบวลิ่ง คาราโอเกะ กีฬา บ้านนินจา บ้านผีสิง เป็นต้น อีกที่ที่นิยมคือ ชิงช้าสวรรค์เฟอริส (Ferris Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุด ติดอันดับของโลก โดยมีความสูงจากพื้นดินประมาณ 115 เมตร คนนิยมขึ้นไปชมวิวอ่าว โตเกียว และ เกาะโอไดบะกัน อีกที่หนึ่งที่อยู่ในบริเวณนี้คือ พิพิธภัณฑ์ โตโยต้า (Toyota Mega Web) คนชอบรถยนต์ไม่ควรพลาด ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.palette-town.com/
โอไดบะ พาเลตทาวน์
รถไฟมาลงที่สถานี Aomi ค่ะ จะพบกับห้าง Palette Town เป็นห้างที่สวยยยยมากกกกค่ะ
ด้านในจะตกแต่งสไตล์ยุโรป  เพดานจะวาดรูปเป็นท้องฟ้าค่ะ และที่สำคัญห้างนี้อยู่ติดกับ Giant sky wheel เดินห้างเสร็จก็ไปขึ้นชิงชาสวรรค์ต่อได้เลย
Giant sky wheel ขอบอกว่าไม่ควรพลาด วิวข้างบนน่าประทับใจมากค่ะ เลือกตู้แบบไหนค่ะ  ด้านซ้ายจะเป็นตู้แบบใสทั้งหมดเลย  ส่วนทางด้านขวาจะเป็นทึบครึ่งล่าง ตอนแรกจขกท.ไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง เลยถามพนง.ไปว่าขึ้นอันไหนดีกว่า เขาแนะนำว่าถ้าเพิ่งขึ้นครั้งแรกควรจะขึ้นแบบทึบครึ่งนึงค่ะ เพราะไม่งั้นมันอาจจะน่ากลัวเกินไป จขกท.ก็เลยเสีย900เยนไปขึ้นตู้แบบทึบค่ะ(แต่ไม่ว่าจะเลือกตู้แบบไหนก็900เยนเท่ากันค่ะ) ตอนก่อนขึ้นไปเขาจะมีถ่ายรูปให้เรา1รูปแล้วเขาจะเอาไปใส่เอฟเฟกเพิ่มเติมแล้วล้างรูปรอเราลงมา ถ้าคุณถูกใจอยากได้ จ่าย1พันเยนแล้วรับรูปไปได้เลยค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ชอบหรือคิดว่ามันแพงไป คุณก็ปฏิเสธเขาไปเลยค่ะ



4. ห้างอควาซิตี้ โอไดบะ (Aquacity Odaiba) นี่ก็เป็นห้างสรรพสินค้าอีกห้างหนึ่งที่คนมานิยมเที่ยวกัน แต่จุดเด่นของที่นี่ก็คือ ชั้นห้าครับ เป็น ราเม็ง ฟู๊ด ทีมพาร์ค (Ramen Food Theme Park) รวบรวมราเม็งชนิดต่างๆ จากทั่วประเทศญี่ปุ่นมาไว้ให้รับประทานกันไปเลยที่เดียว และที่นี่ยังเป็นจุดยอดนิยมสำหรับชมวิว สะพานสายรุ้ง อีกด้วย อควาซิตี้อยู่ด้านหน้าสถานีโทรทัศน์ฟูจิ ที่จะเล่าถึงต่อไปด้วยครับ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.aquacity.jp/en/top

โอไดบะ อควาซิตี้ และตึกฟูจิทีวี
6. ออนเซ็น เอโดะ โมโนกาตาริ (Oedo Onsen Monogatari) เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งออนเซ็นของ โอไดบะ โตเกียว เลยทีเดียว ด้านในจะตกแต่งด้วย บรรยากาศ สมัยเอโดะ มีให้แช่ออนเซ็น ด้วยน้ำที่สูบขึ้นมาจากระดับความลึกถึง 1400 เมตร ด้านในมีทั้งร้านอาหาร เกมส์ปาร์ตี้แบบญี่ปุ่น ให้ได้สัมผัสกัน ข้อมูลเพิ่มเติมที่ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.ooedoonsen.jp/daiba/




 จากนั้นก็มาเดินช้อปปิ้งกันต่อในห้าง Divercity Tokyo มีร้านค้าชั้นนำมากมายให้ช้อปไม่ว่าจะเป็น
Uniqlo, H&M, American Eagle, ABC Mart, Glico, Daiso, Calbee, Kitty etc.
 อีกมากมายจริงๆ ราคาก็ลดกันรุนแรงมาก ขนกันไม่หวาดไม่ไหว
ห้างสรรพสินค้าเด็คส์ Decks Tokyo Beach
deks
ห้างสรรพสินค้าเด็คส์(Decks Tokyo Beach) เป็นแหล่งรวมร้านค้าสำหรับช้อปปิ้ง ร้านอาหาร สวนสนุกในร่ม รวมไปถึง Tokyo Joypolis (เปิดในเดือนกรกฎาคม 2012) เลโก้แลนด์ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ และพิพิธภัณฑ์ทริคอาร์ต นอกจากนั้นศูนย์อาหารยังจัดตกแต่งในธีมฮ่องกงอีกด้วย

สวนสนุกมีค่าใช้จ่ายต่างหาก เวลาเปิด-ปิด: ร้านค้า 11:00-21:00 ร้านอาหาร 11:00-21:00 (บางร้านเปิดถึง 24:00) วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน จาก Odaibakaihinkoen Station เดินไป 8 นาที

เดินทางโดยรถไฟ

1. JR Rinkai Line เป็นรถไฟที่ให้บริการโดยบริษัท JR แต่ไม่สามารถใช้ร่วมกับ JR Pass ได้ นั่นหมายความว่าต้องซื้อแยกต่างหาก และสถานีไม่ค่อยครอบคลุมเกาะโอไดบะเท่าไรนัก
2. Yurikamome เป็นสายรถไฟที่เชื่อต่อกับ JR Yamanote ที่สถานี SHIMBASHI โดยเครือข่ายของรถไฟสายนี้ ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งเกาะโอไดบะเลยทีเดียว และยังมีตั๋วประเภท 1 day pass ราคา 800 JPY จำหน่ายอีกด้วย ถ้ามีโอกาสได้ขค้นรถไฟขบวนนี้ แนะนำให้นั่งหัวขบวน จะได้ชมวิว สะพานสายรุ้ง และอ่าวโตเกียวได้ดีทีเดียว
บรรยากาศสะพานโตเกียวเกตบริจยามเย็น
สะพานโตเกียวเกท(Tokyo Gate Bridge, 東京ゲートブリッジ)เป็นสะพานแขวนที่เพิ่งเปิดเมื่อปี 2012 ใช้เวลาสร้างนานถึง 10 ปี เชื่อมต่อระหว่างเกาะภายในย่านโอไดบะ มีรูปร่างแปลกประหลาดเนื่องจากต้องการให้พื้นถนนนั้นสูงพอให้เรือใหญ่ๆ สามารถรอดผ่านไปได้ แต่ตัวแขวนด้านบนไม่สูงจนไปรบกวนการบินของเครื่องบินจากสนามบินฮาเนดะที่อยู่ใกล้ๆกัน
บริเวณสะพานจะมีสวนสาธารณะสำหรับตั้งแค้มป์ชื่อว่า Wakasu Campsite โดยจะมีทางเชื่อมสำหรับคนเดินอยู่ข้างๆ เมื่อเดินขึ้นบนสะพานจะเห็นวิวของฝั่งเมืองโอไดบะและไกลไปจนถึงโตเกียวสกายทรี(Tokyo Skytree)เลยด้วย
การออกแบบจึงทำให้สะพานนี้จึงมีรูปร่างเป็นเหมือนมีตัวแขวนอยู่ทั้งด้านบนและล่างเพื่อให้เกิด balance ของน้ำหนัก และเว้นช่องว่างตรงกลางเอาไว้ จนเกิดเป็นรูปร่างคล้ายกับสัตว์ประหลาด 2 ตัวหันหน้าเข้าหากัน จนได้ฉายาว่า สะพานไดโนเสาร์(Dinosaur Bridge, 恐竜橋)
สะพานนี้สูงจากน้ำทะเลเกือบ 100 เมตรและยาวมากถึง 2.6 กิโลเมตร จากรูปร่างที่แปลกประหลาดจนกลายเป็นไอคอนใหม่ของเมืองโตเกียวและเกาะโอไดบะ
เวลาเปิด-ปิด: 10.00 - 17.00 แต่ช่วงหน้าร้อนเดือน(1 กรกฏา - 30 กันยา)จะปิด 20.00
วันปิดทำการ: ปิดทุกๆวันอังคารที่ 3 ของเดือน และวันอังคารแรกของเดือนธันวาคม
นั่งรถไฟไปลงที่สถานี ชิน คิบะ (Shin Kiba) แล้วต่อด้วยรถบัส Toei ที่จะไป Wakasu Campsite ให้ลงที่ป้าย Wakasu Campsite จะมองเห็นสะพาน
---

NARITA AIRPORT
เจอะร้าน FujiYama (ใกล้ๆGate 36 และ Gate 37)
ร้านนี้ขายช๊อคโกแล๊ต Royce และคุ๊กกี้ และขนมหีบห่อสีสวย น่ากิ๊น น่ากิน
อีกร้านRoyceที่อยากแนะนำ อยู่ใกล้ประตูที่ 43-47 (terminal 1)
ตรงทางด้านประตูที่ 51 ก็มี Royce ให้ซื้อกันอีกค่ะ
Melon Steam Cake เค้กรสเมลอน กำลังมาแรงมาก
ชิมความหอมหวล อร่อย นุ่มนิ่ม สอดไส้ผลไม้เมลอนสีส้ม
1 กล่องใหญ่ บรรจุ 20 ห่อน้อยภายในกล่อง
กระดาษที่หุ้มห่อสีสวยจับใจ เป็นของฝากของขวัญดีมากๆค่ะ
อย่าลืมซื้อให้ตัวคุณเองด้วยนะคะ อร่อยจริงๆเลยจ้า

Update ร้าน Harajuku เปิดใหม่ที่สนามบินนาริตะ Terminal 1
หลังจากผ่านกองตรวจคนเข้าเมือง เดินแล้วเลี้ยวซ้ายไปทางประตูที่ 51
มีร้าน Harajuku ขายของแฟชั่น
มีกระเป๋ายี่ห้อ Issey Miyake ด้วยค่ะ
มีร้านอาหารอีกโซน อยู่ใกล้กับร้าน Harajuku

 

-----
JR pass

National wide


JR East Pass

JR EAST PASS ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดและภูมิภาคใหญ่ต่างๆ
อันได้แก่ สนามบินนาริตะ โตเกียว โอมิยะ (Omiya) ทาคาซากิ (Takasaki) อัทสึโนมิยะ (Utsunomiya)
นิกโกะ (Nikko) คารูอิซาวะ (Karuizawa) นางาโน่ (Nagano) นิกะตะ (Nigata) เอชิโกะ-ยูซาวะ (Echigo-Yuzawa) โคริยามะ (Koriyama) ฟูกูชิวะ (Fukushiwa) โยเนซาว่า (Yonezawa) เซนได (Sendai) ยามากะตะ (Yamagata) ชินโจ (Shinjo) โมริโอกะ (Morioka) ฮาชิโนเฮ (Hachinohe) ชิชิโนเฮ-โทวาดะ (Shichinohe-Towada) และตอนบนสุดของภาคตะวันออกของญี่ปุ่นอย่างอาโอโมริ (Aomori)

ราคาของบัตร JR EAST PASS สำหรับผู้ใหญ่ ราคาอยู่ที่ 22,000 เยน
และ 11,000 เยนสำหรับเด็ก


หาซื้อบัตร JR EAST PASSได้จากที่ไหน?

คุณสามารถซื้อได้จาก 3 ช่องทาง คือ
นอกประเทศญี่ปุ่น - สั่งซื้อได้กับเอเจนซี่ท่องเที่ยว (travel agent) ก่อนมาเยือนประเทศญี่ปุ่น และมารับ Pass ตัวจริงได้เมื่อเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นที่ Exchange Office บริเวณสถานีหรือสนามบินรอบ JR East area
สั่งซื้อออนไลน์ - www.eastjapanrail.com
ซื้อในประเทศญี่ปุ่น - มีจุดขาย (Sales Office) ในสถานี JR สนามบิน Narita และตลอดบริเวณในเส้นทางของ JR EAST โดยจะต้องนำพาสปอร์ตมาแสดงเวลาที่จะซื้อด้วย
-------
ที่มาของข้อมูล
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=whiteamulet&date=31-08-2009&group=5&gblog=16
เชนได http://www.dotpng.com/2014/01/tohoku1-sendai/

ทัวร์เที่ยวในญี่ปุ่นดูดีดีอาจถูกกว่าไปเอง http://wan-nam.com/sendai-dec-2013/

นำเที่ยวทั้งประเทศเหนือจดใต้ http://tipfyexo.blogspot.com/p/song.html
--------------------




ตรวจสอบอากาศ
https://2baht.com/japan-weather-forecast/