แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เชียงใหม่ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เชียงใหม่ แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

รีวิว ดอยอ่างขาง -- เชียงใหม่ไปไหนดี

การเดินทาง

     เริ่มเดินทางจากเชียงใหม่ด้วยประจำทางสาย เชียงใหม่ - ท่าตอน
หลังจากเดินต่อราคารถเหมาที่อาเขตแต่ราคาแพงเกินไป.
.ตัดสินใจนั่งรถแดงไปที่ขนส่งประตูช้างเผือก
 วันที่เดินทางคนไม่เยอะเลือที่นั่งที่นอนได้ตามสบาย

อีกทางเลือกจากตัวเมืองขึ้นรถที่ ขนส่งช้างเผือก 
--รถตู้ไปฝาง ท่าตอน
--ค่ารถคนละ 150 บาท
ไปลงทางขึ้นดอยอ่างขาง
ใช้เวลาประมาณ 3-3.5 ชม

เชียงใหม่ - เชียงดาว 1 ชม. จากเชียงดาวไปอ่างขางอีก 1 ชม. ครึ่ง - 2 ชม. ครับ


ลงรถที่ไชยปราการครับ ตรงปากทางขึ้นอ่างขาง
ที่นี่จะมีคิวรถสองแถวขึ้นอ่างขาง
 ใครใคร่รอคิวก็รอ ใครอยากเหมาก็ราคาเป็นกันเองครับ....1400 บาท 
รับส่งและพาขับชมในพื้นที่โครงการหลวงด้วย ส่วนค่ารถพาขึ้นชมพระอาทิตย์ขึ้น 
ไปฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ไปชมไร่สตอบอรี่ที่บ้านขอบด้ง พี่เขาคิดเพิ่มอีก 300

ขึ้นรถสองแถว จอดแถวหน้าหาดสำราญ
รถที่จะขึ้นไป ไปกลับ 140 บาท ขาละ 70 มีคิวรถสองแถวขึ้นลงอยู่โบกได้ตลอด
รอคนเต็ม หรือเหมาคันประมาณ 800-1000-1200
ใช้เวลา ขึ้น 45 นาที ลง 30 นาที

ส่วนขากลับ ลงดอยต้องรอหน่อย ให้คนเรียกแล้วตกลงราคากัน

อันนี้เป็นรายละเอียดเส้นทางอย่างละเอียดยิบ
ขอบคุณฮ้าบ
ตามไปดู original ได้ที่นี่
 http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php?topic=4374.0#.VFwyajSUeSo
" border="0

การเดินทางไปเที่ยวดอยอ่างขาง ให้ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 107
 (ต่อเขตเทศบาลนครเชียงใหม่-ฝาง) หรือ ถนน โชตนา 
เรียกโดยทั่วไปว่า ถนนสายเชียงใหม่-ฝาง เป็นทางหลวงแผ่นดินสายเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ 

รถวิ่งออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ ผ่านตลาดแม่ริมได้สักพักซ้ายมือจะเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ตรงไปเป็นอำเภอปาย และเชียงดาว

" border="0

ตรงนี้จะเป็นสามแยกเลี้ยวซ้ายไปปาย สำหรับดอยอ่างขางให้ตรงไปทางเชียงดาว
 เลยแยกดังกล่าวจะเป็นตลาดแม่มาลัย 
" border="0
เลยตลาดแม่มาลัยมาซ้ายมือจะเจอป้ายบอกทาง
 เชียงดาว 35 ฝาง 115 อีก ไม่เกิน 40 นาทีก็ถึงตัวเมืองเชียงดาวเป็นอย่างช้า" border="0
วิ่งมาสักพัก จะเจอป้ายบอกทาง โค้งอันตราย อยู่ซ้ายมือ
 โปรดระวัง (ใจเริ่มกลัวเหมือนกันตอนนั้น)
ก่อนเข้าตัวเมืองเชียงดาว ทางไม่ค่อยเลียบเท่าไหร่ เลี้ยวซ้ายเพื่อไปใช้ถนนเลี่ยงเมือง 
เลี้ยวขวาเพื่อเข้าตัวเมืองอำเภอเชียงดาว 
แต่ทริปนี้ก็เลือกเข้าเมือง (สองเส้นนี้จะไปบรรจบกันนอกเมือง จะเลือกเส้นทางไหนก็ไม่ผิดกติกา)
" border="0
ตัวเมืองเชียงดาว เป็นอำเภอเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก 
เราเลือกจอดร้านอาหารแห่งหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นร้านขาหมูที่อร่อยที่สุด 
ก่อนรถออก ไม่ลืมที่จะกินมะขามป้อม ว่ากันว่า กันเมารถได้ดีนักแล
ถนนหนทางภายในตัวอำเภอเมืองเชียงดาว บ้านเรือนอยู่กันแบบพอเพียง 
และเพียงพอ ถนนไม่ใหญ่มาก รถก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
" border="0
ออกนอกเมืองมาจะเจอสามแยกให้เลี้ยวซ้ายไปดอยอ่างขาง
 สายใหม่ (เมืองงาย) จากตรงนี้ไปดอยอ่างขาง 70 กิโล แนะนำ ให้พี่ๆ เพื่อนๆ 
ใช้เส้นทางนี้เพื่อขึ้นไปเที่ยวดอยอ่างขาง
 เพราะจะเดินทางได้เร็วกว่าไปสายเก่าต่างกันร่วม 2 ชั่วโมง
หากตรงไปเป็นอำเภอไชยปราการ (ดอยอ่างขางสายเก่า)
" border="0
" border="0
เลี้ยวซ้ายมือเข้ามา เส้นทางลาดยาง
 สะดวกสบายกว่าที่คิดตั้งเยอะ (เริ่มมั่นใจว่า ทางสะดวกจริงๆ)
" border="0
วิ่งมาสักพักจะเจอป้ายซ้ายมือว่า ดอยอ่างขาง 50 กิโล
" border="0
วิ่งมาสักพักก่อนขึ้นดอยอ่างขาง จะมีด่านทหารคอยตรวจ 
ไม่ต้องตกใจหากร้องเพลงชาติไทยได้คล่อง
" border="0
เป้าหมายใกล้มาถึงแล้ว แค่ 34 กิโล ตามป้ายบอกทาง
" border="0
สภาพทางบางที่ก็ไม่ค่อยดี มีหลุมบ้าง อย่างที่เห็นพอที่จะให้เป็นรสชาติของชีวิต 
หากไม่เจออุปสรรคบ้าง ก็จะไม่มีรสชาติของดอยอ่างขาง
" border="0
ทางนี้เริ่มขึ้นเขาแล้ว โชเฟอร์กรุณาขับช้าๆ เพราะคนเมารถเร็วจะเวียนหัว
" border="0

ที่พัก
ที่พักโดยรวม
http://travel.kapook.com/view76770.html

ลองเลือกที่น่าสนใจได้ดังนี้

อ่างขางวิลล่า บ้านละ 2500 พักได้10คน ห้องน้ำสองห้อง 
ห้องธรรมดา คืนละ 1000 ไม่มีอาหารเช้า
ได้วิวแบบบ้านติดดอย
อ่างขางเมาท์เท่นวิวรีสอร์ท (บ้านพักสุวรรณภูมิ)
มีห้องนอนหลายแบบแต่ต้องโทรถามราคาเค้าไม่ได้แจ้งไว้ในเพจ
053-450045, 081-7655609, 087-1751931 
            เว็บไซต์ : doiangkhang.com
https://th-th.facebook.com/Suvarnabhumi.AngKhang

เวียงแก้วรีสอร์ท
800-1,600 บาท 
           ที่อยู่ : 382 หมู่ 3 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
           โทรศัพท์ : 08 9600 0655
           เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก เวียงแก้วรีสอร์ท

บ้านพักเลาติง
ห้องพัก 500-1500 ตามเทศกาล พักได้ 4-6 คน
ที่อยู่ : 3 หมู่ 5 บ้านคุ้ม ต.แม่งอน อ. ฝาง จ. เชียงใหม่
โทร : 053-450005

บ้านพักนาหา 
ที่อยู่ : 1283 หมู่ 5 ต.แม่งอน อ. ฝาง จ. เชียงใหม่
โทร : 053-450008

บ้านพักจี๊ดจ๊าด
ที่อยู่ : 7 หมู่ 5 ตำบลแม่งอน อ. ฝาง
โทร : 053-450009 , 087-1849951

อ่างขางฮิลล์รีสอร์ท
ที่อยู่ : 352/2 หมู่ 1 ต.แม่ข่า อ. ฝาง จ. เชียงใหม่
โทร : 053-450043

 สถานีเกษตร
สนใจสำรองห้องพักสถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้ที่ 053-450107-9 ต่อ 114

บ้านพักดอยอ่างขาง
ชื่อบ้านพักพักได้อัตราค่าที่พัก เม.ย. - ก.ย.อัตราค่าที่พัก ต.ค. - มี.ค.
บ้าน AK 1-202 คน
800 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า)
1,500 บาท (รวมอาหารเช้า)
บ้านริมดอย1-65 คน
1,400 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า)
2,500 บาท (รวมอาหารเช้า)
บ้าน AK 4747 คน
200 บาท/คน/คืน (ไม่รวมอาหารเช้า)
400 บาท/คน/คืน (รวมอาหารเช้า)
บ้านดอยคำ1-34 คน
4,000 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า)
5,000 บาท  (รวมอาหารเช้า)
บ้านซากุระ 1-62 คน
1,200 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า)
2,000 บาท (รวมอาหารเช้า)
อาคารหอประชุม1-22 เตียง
800 บาท  (ไม่รวมอาหารเช้า)
1,500 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า)
อาคารหอประชุม35 เตียง
1,200 บาท  (ไม่รวมอาหารเช้า)
2,100 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า)
อาคารหอประชุม43 เตียง
1,000 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า)
1,800 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า)
*บ้านริมดอย 1-6 – เสริมได้ห้องละ 1 ที่ -400 บาท+อาหารเช้า
พักได้ 5 คน ราคาหลังละ 2,500 บาท/คืน
http://www.tourdoi.com/doi/angkrang/general.htm

บริการนำเที่ยว

เที่ยวที่ไหนบ้างบนดอยอ่างขาง

เริ่มจากเที่ยวไร่สตรอเบอร์รี่ 


เส้นทางไปทางบ้านนอแล จะเป็นไร่สตรอเบอร์รี่ที่ปลูกแบบขั้นบันได
หากอยากเจอลูกสตรอเบอร์รี่สีแดงสด ให้มาช่วง มค กพ


ดอกพญาเสือโคร่ง 





จะบานประมาณ ธค-มค ดอกที่บานจะมีอายุ 2 สัปดาห์ 
ไปเที่ยวช่วง 22 - 24 มกราคม เสือ (นางพญาเสือโคร่ง) บานไม่มาก เห็นว่าปีนี้ 2012
ทยอยกันบานเลยไม่เห็นดอยสีชมพูเหมือนที่เราคุ้นตากัน 
แต่ถึงกระนั้นได้แค่นี้ก็ดีใจคุ้มหลายแล้วค่ะ

ชมดวงอาทิตย์ขึ้น


ดอกบ๊วย 


สวนแปดสิบ

เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวตั้งอยู่ใจกลางสถานีเกษตร 
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสโมสรอ่างขาง สวนแปดสิบแห่งนี้
 สร้างขึ้นในวโรกาสที่หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธีโครงการหลวง
ทรงมีพระชนพรรษาครบ 80 พรรษา 

 สวนแปดสิบมีพรรณไม้ดอกเมืองหนาวปลูกลงแปลงไว้มากกว่า 60 ชนิด
 ออกดอกสวยงามตลอดปี ได้แก่ แมกโนเลีย กุหลาบพันปี หรืออาซาเลีย คาเมเรีย เป็นต้น 
นอกจากนี้ยังมีพรรณไม้ที่สวยงามเป็นจุดเด่นของสถานีเกษตรอ่างขาง
ได้แก่ ซากุระญี่ปุ่น เป็นซากุระสายพันธ์ญี่ปุ่นแท้ๆ ที่นำต้นพันธ์ซากุระแท้สีชมพูดจากประเทศญี่ปุ่น
มาทดลองปลูกแล้วออกดอกที่สวยงามเหมือนต้นแท้ที่ประเทศญี่ปุ่น 
จะออกดอกสวยงามในต้นเดือนมกราคมเป็นต้นไป นอกจากซากุระจะปลูกไว้ที่สวนแปดสิบแล้วยังได้ขยายพันธ์ปลูกไว้ทั่วสถานีจำนวนหลายร้อยต้น
ดอกจะบานไม่พร้อมกันโดยมีดอกให้ชมจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์

โรงเรือนรวบรวมพรรณไม้ 

ตั้งอยู่ภายในสถานีบริเวณด้านหน้าบริเวณริมถนนทางด้านขวาถัดจากด่านเก็บค่าธรรมเนียม
 เป็นโรงเรือนโป่งแสงขนาดใหญ่ที่รวบรวมพรรณไม้ไว้หลายชนิดทั้งไม้ดอกและไม้ใบ
ตลอดจนกล้วยไม้และรองเท้านารีชนิดต่างๆ พรรณไม้ในโรงเรือนนี้มีความสวยงามตลอดปีเพราะปลูกอยู่ภายโรงเรือนที่มีหลังคาป้องกันฝนและน้ำค้างที่อาจจะสร้างเสียหายกับต้นไม้ได้
 นอกจากพรรณไม้ที่สวยงามแล้วภายในโรงเรือนยังมีการปรับภูมิทัศน์มีการสร้างน้ำตก
เพื่อเพิ่มความชื้นภายในโรงเรือน มีเก้าอี้สนามให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพัก พรรณไม้ในโรงเรือนหลายสายพันธุ์ออกดอกให้ชมตลอดปีและจะสวยมากๆ ในช่วงฤดูหนาวที่พรรณไม้ดอกเมืองหนาวต่างๆ จะออกดอกพร้อมกันในช่วงนั้น

โรงเรือนวิจัยกุหลาบ

ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเรือนไม้ดอก เป็นโรงเรือนหลังคาโปร่งใส 
ภายในทำเป็นแปลงยกร่องปลูกกุหลาบชนิดต่างๆ กุหลาบในโรงเรือนนี้เป็นการปลูกเพื่อการวิจัย มีกุหลาบสวยๆ หลากหลายสายพันธุ์ มีทั้งแบบดอกหอม ดอกสวย ดอกใหญ่มาก จนกระทั่งกุหลาบดอกจิ๋ว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ แต่โรงเรือนนี้มีการให้น้ำอัตโนมัติ
 ดังนั้นการเข้าชมควรดูป้ายเวลาให้น้ำกุหลาบด้วยจะได้ไม่ต้องเปียกน้ำ
ระหว่างที่ระบบสปริงเกอร์รดน้ำทำงาน
บริเวณด้านหน้าของโรงเรือนวิจัยกุหลาบเป็นร้านจำหน่ายสินค้าของสถานี มีผลผลิตจากโครงการหลวงมากมายไว้จำหน่ายให้แก่ผู้สนใจ มีทั้งผลไม้สด ผักปลอดสารพิษ ไวน์ชนิดต่างๆ ผลไม้เมืองหนาวในฤดูกาล เช่น กีวี สตรอเบอรี่ ท้อ เป็นต้น


ลานไม้ดอกกลางแจ้ง

เป็นแปลงปลูกดอกไม้เมืองหนาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าโรงเรือนวิจัยกุหลาบ
 นอกจากสถานีเกษตรหลวงอ่างขางจะเป็นที่ทดลองปลูกพืชเมืองหนาวแล้วยังเป็นสถานีท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวในความสนใจไปเที่ยวชมกันมาก ทางสถานีจึงได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่นี้ซึ่ง
แต่ก่อนเป็นแปลงปลูกผักเมืองหนาวมาเป็นแปลงปลูกไม้ดอก
 มีการทำแปลงปลูกแบบยกร่องเป็นแถวเป็นแนวหลายแปลง ปลูกพรรณไม้ดอกหลายชนิดสลับไปกันในแต่ละช่วงเวลาเพื่อให้ทะยอยออกดอกให้นักท่องเที่ยวได้ชมอยู่ตลอด
 หากนักท่องเที่ยวไปในช่วงปลายเดือนมกราคมจนถึงกุมภาพันธ์ก็จะเห็นดอกฝิ่นประดับบานเยอะมาก 

ระเบียบการเข้าชมสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง

เปิดให้เข้าชมระหว่างเวลา 06.00 น. - 18.00 น.

บัตรผ่านประตู ท่านละ 50 บาท รถยนต์คันละ 50 บาท จ่ายครั้งเดียวที่ปากทางเข้า
 เข้าชมจุดต่างๆ ภายในโครงการได้ทุกจุด

ดอกแมกโนเลีย 

บาน มกรา

ดอกป๊อบปี้




ไร่ชา

ชมวิวดวงอาทิตย์ขึ้น


ทะเลหมอก



บรรยากาศทั่วไป

http://www.emagtravel.com/archive/angkhang-trip.htmlแนะนำทัวร์ละเอียดดี


ที่มาของรูปภาพ---
พาเที่ยวรูปสวย


เพจที่อัพเดตข่าวคราวชาวดอยโดยตลอด ^^



วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รีวิว เชียงใหม่ ตอน 2 งานพืชสวนโลก 2012 -- เที่ยวเชียงใหม่ ไปไหนดีนะ

---ไม่เคยไปงานพืชสวนโลกเลย  ครั้งนี้ครั้งแรกค่า---
ความฝันว่าเดินชมดอกไม้ ต้นไม้ ละลานตา ท้าลมหนาว

TRip นี้จัดขึ้นเมื่อว่างตรงกับน้องสาว -- 3-6 กพ 2555

ออกเดินทางจากกรุงเทพ ราว แปดโมงกว่าๆ ด้วยเจ้าหางแดง
ไปถึงสนามบินเชียงใหม่ประมาณเที่ยงนิดๆ
จากนั้นจึงต่อ Taxi ไปยังโรงแรม
ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ที่ตั้งของโรงแรม เลยไปเท็กซี่สะดวกกว่า
จริงๆ รถแดงสามารถพาคุณไปทุกที่
รถแดงนั่นก้คือรถตุ๊กดีดีนี่เอง เค้าไม่มีเส้นทางจำเพาะค่ะ
อยู่ที่ว่าตกลงราคาและสถานที่ 


สถานที่พักในครั้งนี้คือ ...


เป็นโรงแรมเล็กที่ตกแต่งได้น่ารัก  มีหลายมุมให้นั่งพัก
และมีจักรยานให้เช่าปั่นเล่นได้
นอกจากนั้นบรรยากาศโดยรวมเหมือนนั่งเล่นที่บ้านมากกว่า
สบายเหมือนอยู่บ้านเลยทีเดียว  มีมุมให้ถ่ายรูปกันหลายมุมเลย
ราคาที่จองมาก็ สามพันนิดๆค่ะ/คืน

อะเค เก็บของกันเรียบร้อย ก็ออกเดินทางประมาณ 100 เมตร 
ก็มาถึงถนนใหญ่ เพื่อเดินทางด้วยรถแดงจร้า
เป้าหมาย วันนี้เราจะไปท้าชิมร้าน"เฮือนเพ็ญ"
ร้านฮิตติดดาวของที่นี่แน่นอน
อร่อยสมคำร่ำลือทีเดียว
สมค่าที่หิ้วท้องรอมื้อเที่ยง อิอิ
จากนั้นเราก็ทำการเดิน วนซ้ายวนขวามานิดหน่อยก็จะถึงสวนโบกหาด 
อันเป็นงานแสดงงานเกษตรในตอนนี้
วันนี้โชคดีมากมาเจอขบวนแห่บุบผชาติพอดี
ในงานก็จะมาซุ้มของอำเภอต่างมาโชว์ของดีกันมากมายจร้า

แต่ละอำเภอก็มีของดีแตกต่างกันไปจร้า
เตรียมท้อง เตรียมเงิน เตรียมแรงกันมาเยอะนะ
งานยาวมาก เราเดินไม่ไหวอ่ะ เพราะดันมาตอนบ่ายร้อนตับแล่บ
ไอ้เราเด็กใต้ก็มาสะดุดเอาที่ร่มสีสันสดใส สไตล์ชาวเหนือ
ไม่ได้ต้องจัดมาหนึ่งคัน สอบถามว่าสามารถกันฝนได้ด้วยนะ
เพราะมีการลงยาเรียบร้อยแล้ว
ภายในงานมีดอกไม้นานาชนิดมาจำหน่ายกันในราคาที่เรียกว่าถูกว่าทางใต้เกือบครึ่ง
จนหน้ามืดเกือบหิ้วขึ้นเครื่องแระ ดีนะที่น้องเตือนไว้ เอิ่ม!!
ต้องพยายาม ยุบหนอ พองหนอ ตลอดทาง เพราะคงเอาขึ้นเครื่องด้วยไม่ไหวแน่ๆๆ
อันนี้เป็นดอกยิปโซ กะดอกไม้ขีด รุปร่างหน้าตาเหมือนไม้ขีดสมัยเด็กๆมาก
เดินมาหน่อยมาเจอซุ้มของร้านนิตติ้ง จัดได้น่าร้ากมาก
มีการถักเป็นต้นไม้เป็นเสื้อเป็นม้า ไอเด๊ยเก๋มาก




จากนั้นเนื่องจากเรามาเดินช่วง เลยเที่ยงมาหน่อย ๆ
ร้อนตัวแทบไหม้ เราจึงหลบร้อนมาจิบอารายเย็นๆที่
ร้าน มองบลัง นิมมาน 5
จากที่เปลี้ยๆ เมื่อได้กลูโคส เข้าร่างกาย
แรงก็กลับมาอีกครั้ง


จับรถแดงได้จึงแจ้งไปว่า "ลุงคะไปวัด โลดเจ้า"
คุณลุงผู้ซึ่งหวังดีกะเราสองพี่น้องเหลือเกิน พาวนไปทั่วเมือง 
จากงงๆ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน หลังทริปนี้เรากระจ่างเลย
หลังจากลุงรับส่งผู้โดยสารมาหลายคน จนเหลือเราสองคน
แล้วลุงก็เริ่มชะลอจอด 
แล้วหันมาช้าๆ ถามเราว่า 
"พวกหนูลงไหนจ้ะ"---  >< น้ำตาไหลพราก



โอเคไปวัดไม่เหนื่อยเท่านั่งรถแดงชมเมืองประมาณร่วมชั่วโมง 
กลับมาเปลี่ยนชุดเตรียมตัวไปช้อบกันจร้า
ในตลาดจะเป็นตลาดคนเดินวันเสาร์
มีทั้งอาหาร สินค้าทำมือน่ารัก เสื้อผ้ากลิ่นอายเหนือๆ
ให้เสพกันไม่หวาดไม่ไหว



เดินจนสุดทางเราจะเจอวัดศรีสุพรรณ
เป็นวัดที่สวยๆมาก ยิ่งกลางคืนถ่ายมาแล้วสวยมาก
ในวัดจะมีให้สรงน้ำ พระพุทธรูป มีโบสถ์ที่สวยงาม




 หมดแรงแล้ว กลับมาหอเพื่อเก็บแรงสำหรับวันพรุ่งนี้กัน
กับวิวหน้าห้องยามค่ำคืน
 มื้อเช้าเราทานที่โรงแรมค่ะ เติมพลังก่อนที่จะออกไปดอยกัน
ช่วงนี้ตอนเช้าๆ อาการจะหนาวๆ กำลังดี ไม่ถึงขั้นต้องใส่โค้ท
ชอบชอบๆ อ่่ะ แต่พอเที่ยงจะเริ่มร้อนแระ ><
 อาหารมื้อเช้าก็จะหน้าตาแบบนี้
ส่วนที่นั่งก็มีหลายโซนให้เลือกตามชอบใจ
ห้องอาหารเนื่องจากมีห้องไม่เยอะ ก้จะเป็นโซนเล็กๆน่ารัก
แปลกตาไปอีกแบบค่ะ
 เอาล่ะไปเวลาไปดอยกัน
เราก็จะนั่งรถแดงไปรอขึ้นคิวรถสองแถวไปดอยกัน

แต่ถ้าอยากได้ราคาสบายกระเป๋าเราก็ต้องรอผู้ร่วมทริปกันหน่้อย
ถ้าใครรีบ หรือ อยากไปแบบส่วนตัวก็เหมาคันไปได้จร้า
สำหรับราคาก็ตามรูปน้า
พวกเราอยากไปสามที่ แต่ไม่มีใครไปด้วยเรย แงแง
เลยเลือกไปแบบสองที่จร้า
สถานที่มีหมูบ้านม้ง พระตำหนักภุพิงค์ และ พระธาตุดอยสุเทพจร้า

ตอนแรก  รถก็จะมาส่งที่พระธาตุดอยสุเทพก่อน พวกเราก็คิดว่าจะไปด้านบนก่อนแล้วค่อยกลับลงมา
ได้ทีรีบจับรถขึ้นไปทันที 
อย่างที่เคยได้ยินยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่วันนี้เราไม่ได้่ป้องกันหนาวกันมาเลย
 เมื่อเราเดินเข้าไปด้านในพระตำหนัก 
จะเจอดอกไม้นานพันธุ์ตระการตามากทีเดียว
แค่เห็นก็สดชื่นแล้ว บวกกับอากาศหนาว  โอ๊ย ยังกะเดินในวิมาน
ปล. ที่นี่เค้าห้ามกระโปรงกางเกงขาสั้นกว่าเข่า และเสื้อแขนกุดเข้านะจ้ะ 
ต้องเช้าเสื้อผ้าเปลี่ยนจร้า






ใช้เวลาได้เพียง 20 นาที ได้เวลาไปต่อแว้ว
ขึ้นไปต่อบนดอยที่หมูบ้านชาวกะเหรี่ยง 
ที่นี่จะมีพิพิธภัณธ์ แสดงวิถีชีวิตของชาวเขาที่นั่น



 และมีดอกไม้เมืองหนาวบานสะหรั่งเลยทีเดียว
ที่นี่เป็นครั้งแรกที่นำเด็กใต้มาเจอกับดอกฝิ่น





ที่นี่เค้าจะมีน้องๆ ชาวเขามาให้ถ่ายรูปคู่ โดยจะได้รับทิปจากนักท่องเที่ยว
อย่างน้องสองคนนี้ วันนั้นด้วยอากาศที่ร้อนมาก 
สงสารน้องเค้ามาก  แก้มนี่แดงจะสุกอยู่แล้ว

บ้างก็มาโดดน้ำตูม ตูม เพื่อคลายร้อน
ตอนที่เรามาเป็นช่วงที่สตรอเบอรรี่มากมาย
ถูกมาก หวาน ใหญ่ลูกแดง ในแก้วในรูปแก้วละ 30 บาท เอง
น่ากินมว๊าก---
 เมื่อเสร็จแล้วก็เตรียมมารอที่รถกลับ
ลงไปที่พระธาตุดอยสุเทพกัน

เราเลือกที่จะเดินขึ้นไป แต่เด๋วนี้มีบริการลิฟต์นะคะ
โชคดีหน่อยสำหรับคนเข่าไม่ดี

 ตัวพระธาตุ เหมือนในโปสการ์ดเลยค่ะ
วันนี้แดดร้อนมากทีเดียว
ส่วนการแต่งตัวนั้นควรใส่กระโปรงคลุมเข่า และเสื้อเรียบร้อยค่ะ
แต่ถ้าใครไม่สะดวกเค้ามีชุดให้เปลี่ยนก่อนเข้าค่ะ

หมดแรงก็กลับมาพักที่โรงแรม ก่อนไปต่อ เป้าหมายคือถนนคนเดินวันอาทิตย์ค่ะ

 ทานอาหารมื้อเย็นที่โรงแรมนี่เอง ส่วนคุณน้องเทองดอาหารเย็นค่ะ
มื้อนี้ราคา 200 นิดๆเองค่ะ

เอาล่ะเมื่อท้องอิ่มก็เตรียมตัวไปต่อกันเล้ย
แน่นอนพาหนะเราคือรถแดง ตอนนี้เราขึ้นคล่องแระ
ค่าโดยสารเพียง 20-30 บาทเองค่ะ
มาถึงประตูท่าแพ เรามาตั้งแต่ ห้าโมงกว่า ยังไม่มืดเลย
ก็มีแผงมาตั้งมากมายแล้วค่ะ

 สินค้ามีมากมาย ทั้ง โคมไฟ ทรงชาวเหนือ
อาหารแปลกที่เราไม่เคยเห็นมามากมายเลย



 ภายในจะมีวัดให้ได้สักการะและชื่นชมความงามอีกด้วย

 คุณยายจะขายใบลาพับนานาชนิด ท่าทางคูณยายน่าจะอายุร่วมร้อย
ราคาที่ขายก็ไม่แพงนะ
ใครผ่านมาอย่าลืมมาอุดหนุนคุณยายกันนะคะ


 ณ มุมนี้ทุกคนที่มาก็อดจะถ่ายกับพรอพที่เค้าจัดให้ไม่ได้





เมื่อเดินมาสุดทางเราจะเจอกับวัดอีกวัด
เชียงใหม่เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีวัดมากมายจริง
แถมแต่ละวัดก็สวยงามไม่แพ้กันเลยค่ะ







 แน่นอนเมื่อเดินมาสุดตลาดเราจะมาเจอกับพาหนะคู่ใจของเรา
 จอดรออยู่มากมาย
เลือกโบกเอาได้เลยตามชอบใจ
^^
คืนนี้เพลียแล้ว
กลับโรงแรมแล้วนอน
พรุ่งนี้ยังอีกยาวไกล



 จัดการอาหารเช้ากันพร้อมแล้ว ก้ออกเดินทาง
วันนี้เราต้องเดินทางโดยรถแดงไปที่กาดสวนแก้ว หนึ่งในหลายๆ
จุดที่สามารถขึ้นรถไปยังงานพืชสวนโลก

เย้เย  หลังจาก 40 นาที ของการนั่งรถนั้น
เราก้เดินทางมาถึงบริเวณงาน


 มาถึงก็ไม่รอช้ารีบถ่ายกับหน้างานในบัดดล
ก่อนเข้าเราต้องไปซื้อบัตรผ่านประตูก่อนค่ะ
ภายในงานจะมีสวนแบบต่างให้ได้ชมกันมากมาย ดอกไม้หลากสี
พาเอามึนงงกับความสวยงามของดอกไม้ไปหมดเลย
พบกันสวนแรกเลยชื่อ "สวนสวัสดี"

ภายในมีลำธารจำลองน่ารักมาก
ชอบที่มีดอกหญ็าริมลำธารนี่แหละ
 เดินต่อมาหน่อยก็จะเป็นสวนดาษดา
ซ฿้งมีสีสันสดใสมาก การตกแต่งมาการจำลองเป็นผีเสื้อด้วย






เดินต่อมาก็จะมีจำลองบ้านในภาคต่างๆ ให้ได้ดูกัน 
เป็นบ้านสีลูกกวาดในฝันเลยทีเดียว
 
 ที่ซุ้มกังหันชัยพัฒนา มีให้ส่ง การ์ด ฟรีเลยค่ะ
จะส่งให้ใครกี่ใบก็ได้ ^^

ดูฟักเขียวสิ น้องสาวว่าตัวใหญ่แระ
ฟักใหญ่เกือบเท่า













เดินวนมาเจอหอคำหลวง ทางเดินมาที่นี่ร้อนและไกลมว๊าก
แต่ก็ยันกายมาถึงจนได้

--
เดินมาอีกโซนจะเป็นโซน สวนสวยของประเทสต่างๆ

มาเจอกลุ่มเด็กมาทัศนศึกษากันมากมาย
นึกย้อนไปสมัยเราเด็กๆเลย







ประมาณบ่ายสามก็ได้เวลาจรลีกลับ
เตรียมไปสนามบิน
บินกลับกันแล้วจ้ะ
คิดถึงเชียงใหม่แล้วจะมาเยี่ยมตัวเธอใหม่นะ