แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ IT แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ IT แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

ดูแลแบตเตอรรี่ยังไง ไม่ให้เสื่อมเร็ว

สรุปสุดท้ายด้วยคำแนะนำสั้นๆ สำหรับแบตเตอรี่ lithium ดังนี้

1. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้แบตเตอรี่จนหมดแล้วค่อยชาร์ตครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด discharge rate ในอัตราที่สูง (ใช้ไฟเยอะในเวลาอันสั้น) ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว เช่น กรณีที่ต้องการใช้งานเครื่องหนักๆ(กินแบตฯเยอะๆ) ก็ควรใช้แค่ช่วงเวลาไม่นาน และไม่ควรใช้จนแบตหมดครับ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆให้หาโอกาสชาร์ตไฟเป็นระยะๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิด discharge rate ในอัตราที่สูงได้
และที่สำคัญที่สุดคือการชาร์ตบ่อยๆ จะช่วยป้องกันการลืมชาร์ตไฟ ซึ่งถ้าหากปล่อยให้แบต lithium ไฟหมดเป็นเวลานานแบตจะเสีย ไม่สามารถชาร์ตไฟได้อีก
2. ระลึกไว้เสมอว่าแบตฯแบบ  lithium ความร้อนมีผลต่อการเสื่อมมากกว่ารูปแบบการชาร์ตไฟครับ ดังนั้นพยายามดูแลอย่าให้แบตฯร้อน จะได้ผลดีกว่ามัวกังวลเรื่องชาร์ตบ่อย ชาร์ตมาก ชาร์ตน้อย
3. เก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่เย็นๆ ถ้าจำเป็นจะต้องเก็บ Notebook ไว้ในรถที่จอดตากแดด ก็ควรถอดแบตเตอรี่แยกติดตัวออกมาด้วยครับ จะช่วยให้แบตฯเสื่อมช้าลง
4. ถ้าจำเป็นจะต้องเก็บแบตไว้เป็นเวลานาน โดยไม่ได้ใช้งาน ให้ชาร์ตไฟไว้ที่ประมาณ 40% ของความจุ แล้วเก็บไว้ในที่เย็นๆ จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้
5. ไม่ควรซื้อแบตเตอร์แบบ  lithium มาเก็บไว้เผื่อใช้งานครับ เพราะแบตแบบ  lithium มีอายุการเสื่อมสภาพนับจากวันผลิต(ไม่ใช่วันที่ใช้นะครับ) ดังนั้นถ้าเก็บไว้นานโดยไม่ใช่มันก็จะเสื่อมไปเองได้ครับ และเช่นเดียวกันกับการเลือกซื้อแบตแบบ  lithium ไม่ควรซื้อแบตฯแบบเก่าเก็บครับ เพราะซื้อมา

ใช้งานและดูแลรักษาแบตฯ Lithium อย่างถูกต้อง

พี่โอ๊ต | 19 พ.ย. 2551 14:45:58
97473
VIEWSพี่โอ๊ต
อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์สำหรับพกพา เช่น Notebook, กล้องดิจิตอล และมือถือ ในปัจจุบันจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ lithium แทบทั้งสิ้น ซึ่งแบตเตอรี่แบบ lithium นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา และไม่ต้องดูแลรักษามากนัก ซึ่งจะต่างจากแบตเตอรี่แบบชาร์ตไฟใหม่ได้ในสมัยก่อนๆอย่างสิ้นเชิง ทั้งในด้านวิธีใช้งาน และการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง
lithium_ion_battery_5
แบตเตอรี่แบบ lithium ที่พบเห็นบ่อยๆ ในปัจจุบันมีด้วยกัน 2 แบบ คือ
1. lithium-ion หรือตัวย่อว่า Li-ion เป็นแบตเตอรี่ที่พบเห็นมากที่สุด ถือว่าเป็นแบตเตอรี่มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในทุกวันนี้
2. lithium-ion polymer หรือตัวย่อว่า Li-Poly เป็นแบตเตอรี่ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Li-ion โดยจะมีความจุไฟฟ้ามากว่า Li-ion ถึง 20% ในขนาดแบตเตอรี่ที่เท่ากัน แบตเตอรี่แบบนี้มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือมีข้อจำกัดเรื่องรูปร่างของเบตเตอรี่น้อยมาก จึงทำให้สามารถสร้างแบตเตอรี่แบบ Li-Poly ให้มีขนาดเล็กและบางได้ รวมทั้งสามารถสร้างให้มีรูปทรงแปลกๆ ที่ไม่ใช่ทรงกระบอกหรือทรงสี่เหลื่ยมเหมือนแบตเตอรี่แบบเดิมๆได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามต้นทุนการผลิตของ Li-Poly ยังจัดว่ามีต้นทุนสูง ดังนั้นความนิยมจึงยังมีไม่มากเท่าแบตเตอรี่แบบ Li-ion
ทีนี้ลองพลิกดูแบตเตอรี่ของคุณๆ ดูว่าใช่แบตเตอรี่แบบ lithium กันรึเปล่า ถ้าใช่แล้ว เรามาไขข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแบตเตอรี่ lithium กันเลยดีกว่าครับ

1. ตารางเจ้าปัญหา ความจริงที่ถูกบิดเบือน

parttwo_34 
หลายๆคนอาจจะเคยเห็นตารางอย่างในรูปข้างบนมาแล้วใช่ไหมครับ มีบทความหนึ่งนำตารางข้างบนนี้ไปอ้างอิง(บทความที่ชื่อ "เทคนิคการชาร์จแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กให้คุ้มค่า") แต่กลับบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยอ้างว่ากราฟที่เห็นเป็นกราฟ การชาร์ตไฟที่ % แบตเตอรี่ต่างๆกัน เช่น ที่ 1C ก็อ้างไปว่าเป็นการชาร์ตไฟที่แบตเตอรี่เหลือไฟอยู่ 65-70% ซึ่งเป็นข้อมูลที่บิดเบือนและผิดชนิดที่ว่าเป็นคนละเรื่องกันเลย
ต้นฉบับที่แท้จริงของตารางข้างบนมาจากเว็บ http://www.batteryuniversity.com/parttwo-34.htm ครับ ซึ่งในเว็บ และบนหัวตารางก็ระบุไว้อย่างชัดเจนมันคือตาราง charge/discharge rateซึ่งคำว่า charge rate ไม่ได้หมายความว่าใช้แบตไปหมดไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้วค่อยชาร์ตไฟกลับคืนเป็น 100% แต่ charge rate หมายถึงอัตราของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ชาร์ตแบตเตอรี่ในช่วงเวลา เช่น
ถ้าเรามีแบตเตอรี่ขนาด 10 Ah(ampere-hour) แต่เราชาร์ตไฟด้วยแท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 2 แอมแปร์(ampare) ก็จะต้องใช้เวลาชาร์ตไฟเข้าไปในแบตเตอรี่ที่ว่างเปล่าจนไฟเต็มด้วยเวลา 5 ชั่วโมง อัตราการชาร์ตระดับนี้เราเรียกว่าอัตรา C/5 หรือ 0.2C
ส่วนอัตรา 1C ก็คือ ถ้าชาร์ตแบตเตอรี่ขนาด 10Ah ก็ต้องใช้แท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 10 แอมแปร์ก็จะชาร์ดไฟได้เสร็จใน 1 ชั่วโมง
เช่นเดียวกับอัตรา 2C ก็คือ ชาร์ตแบตเตอรี่ขนาด 10Ah ด้วยแท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 20 แอมแปร์ก็จะชาร์ตไฟได้เสร็จใน 30 นาที
และคำว่า discharge rate ก็จะคล้ายๆกับ charge rate ครับแต่เป็นในทางกลับกันคือเป็นอัตราการใช้ไฟ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตารางข้างต้นแสดงถึงว่าถ้าเราชาร์ตไฟด้วยกระแสไฟสูงในเวลาสั้นหรือใช้ไฟจากแบตในปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้น จะทำให้แบตเตอรี่แบบ lithium เสื่อมเร็วขึ้น (จำนวน cycle ลดลง)
ส่วนกรณีที่ยกมาอ้างว่า การชาร์ตไฟบ่อยๆหรือการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เพียงเล็กน้อยแล้วรีบชาร์ตกลับให้เต็ม 100% เป็นการช่วยเพิ่มจำนวน cycle นั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย เพราะการเพิ่มลดของจำนวน cycle ไม่เกี่ยวกับรูปแบบการใช้งานว่าใช้มากใช้น้อยแล้วค่อยชาร์ตไฟ แต่จำนวน cycle เกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องชาร์ตว่าชาร์ตเร็วหรือช้า ถ้ายิ่งชาร์ตเร็วแบตฯก็จะเสี่ยมเร็ว ถ้าเครื่องชาร์ตค่อยๆชาร์ตแบตก็จะเสื่อมช้า

2. นับจำนวน Cycle อย่างไร

จำนวน Cycle คือตัวเลขที่บ่งบอกอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ว่าแบตฯจะเริ่มเสื่อมเมื่อผ่านการชาร์ตไปนานแค่ไหน ถ้าแปลตรงๆตัวคำว่า cycle ก็คือรอบ คำว่ารอบไม่ได้เท่ากับคำว่าครั้ง ดังนั้นการชาร์ต 1 ครั้งจึงไม่เท่ากับ 1 cycle ซะทีเดียว
จำนวน 1 Cycle จะวัดจากปริมาณการชาร์ตไฟที่รวมๆแล้ว เท่ากับปริมาณการชาร์ตไฟจากแบตเตอรี่ที่ไม่มีไฟ(0%) จนแบตเตอรี่มีไฟเต็ม(100%) 1 ครั้ง
เช่น ถ้าเราชาร์ตครั้งแรกจากแบตเตอรี่ 50%=>100% การชาร์ตครั้งนี้ก็จะนับเท่ากับ 0.5 cycle
หรือถ้าชาร์ตครั้งต่อมาอีก 80%=>100% เมื่อรวมกับครั้งแรกก็จะได้เท่ากับ 0.5+0.2 = 0.7 cycle
 
cycle
ตารางแสดงจำนวน Cycle Life (จำนวน Cycle ก่อนแบตจะเสื่อม) จากhttp://www.batteryuniversity.com/partone-3.htm

3. ชาร์ตอย่างไรถึงจะดี

lithium_ion_battery_4หลายคนคงเคยได้ยินว่าต้องชาร์ตแบตเตอรี่ครั้งแรกเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมงแล้วจึงจะเริ่มใช้งานได้ หรือว่าต้องหมั่นชาร์ตบ่อยๆ หรือไม่ก็ใช้ให้ไฟหมดก่อนแล้วค่อยชาร์ต ซึ่งข้อความทั้งหมดนี้ก็มีข้อจริงและเท็จปนๆกัน อันที่จริงแล้วสำหรับแบตเตอรี่แบบ lithium (ย้ำว่าแบบ lithium เท่านั้น) จะชาร์ตอย่างไรก็ได้ไม่มีผลต่ออายุการใช้งานครับ
ข้อมูลตรงนี้เป็นที่ยืนยันจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ(ทั้งที่อ้างอิงไว้ข้างล่าง และที่อื่นๆ) มีใจความตรงกันว่า การชาร์ตมาชาร์ตน้อย ชาร์ตนาน ชาร์ตถี่ ชาร์ตบ่อย มีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่น้อยมาก ส่วนข้อความข้างต้นที่ยกมานั้นเป็นคำแนะนำสำหรับแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆที่ไม่ใช่ lithium ครับ
การที่แบตเตอรี่แบบ lithium จะเสื่อมจากการใช้งานนั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 เงื่อนไข คือ

1. เมื่อใช้งานจนถึงจำนวน Cycle ที่แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมเองตามปกติ
2. เมื่อถึงเวลาที่แบตเตอรี่จะเสื่อมมันก็จะเรี่มเสื่อมเอง โดยเวลาที่ว่าเป็นเวลาที่นับตั้งแต่การผลิต ไม่ใช่เวลาในการใช้งาน
3. การชาร์ตไฟของตัวชาร์ต (ดังที่กล่าวไปแล้วในข้อ 1)
4. อุณหภูมิของแบตเตอรี่ ถ้าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงก็จะส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติได้

4. ได้ยินว่าชาร์ตไฟ 40% แบตจะอยู่ได้นานกว่าจรึงรึเปล่า

สำหรับแบตเตอรี่แบบ lithium ถ้าชาร์ตไฟที่ 40% แล้วเก็บเอาไว้โดยไม่ใช้งานเป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป ตัวแบตจะเสื่อมน้อยกว่าการชาร์ตไฟที่ 100% แล้วเก็บไว้นาน 1 ปีขึ้นไป แต่สำหรับแบตเตอรี่ที่ไม่ได้เก็บไว้นานเกิน 1 ปี หรือแบตเตอรี่ที่ใช้งานตามปกติ(ไม่ได้เก็บเข้ากรุ) อัตราการเสื่อมของแบตเตอรี่ไม่ว่าจะมีไฟที่ 40% หรือ 100% นั้นแทบจะไม่ต่างกัน
parttwo_34
สรุปว่าข้อความข้างต้นเป็นจริงเฉพาะแบตเตอรี่ lithium ที่เก็บไว้นานๆโดยไม่ใช้งานครับ และในการเก็บรักษาก็อย่าลืมเก็บไว้ในที่เย็นๆนะครับ เพราถ้าเก็บไว้ในที่อากาศร้อนจะเร่งให้แบตเสื่อมเร็วครับ

5. แล้วเวลาใช้งาน Notebook เมื่อเสียบปลั๊กแล้วควรจะถอดแบตหรือไม่

คำตอบนี้ตอบได้ทั้งควร และไม่ควรครับ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานจะเลือกแบบไหน
1. เสียบปลั๊กแล้วแต่ไม่ถอดแบตฯlaptop_battery_example
ข้อดี - หากระบบไฟฟ้ามีปัญหา ก็จะไม่ส่งผลต่อการทำงาน และงานที่ทำในเครื่อง Notebook เปรียบเหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ UPS อยู่
- ขั้วแบตเตอรี่จะไม่เกิดปัญหา ฝุ่นผงหรือความชื้นไปเกาะ
- มีความสะดวก สบายในการใช้งาน ไม่ต้องถอดๆใส่ๆ
ข้อเสีย - แบตเตอรี่จะได้รับความร้อนจากตัวเครื่อง ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติเล็กน้อย
2. เสียบปลั๊กแล้วถอดแบตฯ
ข้อดี
- แบตเตอรี่จะปลอดภัยต่อความร้อนที่มาจากตัวเครื่อง notebook แน่นอน
 
ข้อเสีย
- ขั้วแบตเตอรี่อาจเกิดฝุ่นผงหรือมีความชื้นไปเกาะทำให้เกิดคราบออกไซด์ อาจส่งผลให้เกิดอาการเสียบแบตเตอรี่แล้วไฟไม่เข้าเครื่องได้
- หากระบบไฟมีปัญหา เครื่อง notebook จะดับ ทำให้งานในเครื่องเสียหาย และอาจทำให้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ในเครื่องเสียหายได้
โดยส่วนตัวผมจะแนะนำให้เสียบแบตฯทิ้งเอาไว้ครับ เพราะข้อดีมีเยอะกว่าข้อเสีย และที่สำคัญคือ ถึงแม้การเสียบแบตฯไว้อาจจะทำให้แบตฯเสื่อมจากความร้อนได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Notebook ทุกวันนี้ออกแบบมาให้ตรงส่วนที่เป็นแบตเตอรี่เป็นฉนวนความร้อนครับ ดังนั้นความร้อนก็จะส่งไปถึงแบตเตอรี่ได้ไม่มากนัก เรียกง่ายๆว่าถ้าเครื่องมันร้อนมาก คนใช้ Notebook จะร้อนมือก่อนที่แบตจะร้อนเสียอีกด้วยซ้ำครับ
ขอขอบคุณที่มาจาก --- http://www.techxcite.com/topic/1426.html

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

Parents and Texting

ที่มา ** http://churchm.ag/parents-texting-humor/

เชื่อว่าใครที่พ่อแม่หัดเล่นไลน์ต้องเจอความปวดหัวมาบ้างไม่มากก็น้อย


Parents and Texting [Humor]

December 30, 2014 by Eric Dye


Do your parents have a smartphone?

How about grandma or grandpa?

There’s something special that happens when you mix new technology with an older generation…





















วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

app เตรียมตัวเดินทาง

มาดูกันค่ะ ว่าจะมี App ไหนที่น่าสนใจสำหรับนักเรียนนอกกันบ้าง ^^
ที่มา http://www.dek-d.com/studyabroad/29616/
21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                                                           
Healix Travel Vaccinations : ตรวจเช็คว่าเราต้องฉีดวัคซีนอะไรก่อนไปประเทศนั้นๆ

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก
                      
        หนึ่งในคำถามยอดฮิตสำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวจะไปอยู่เมืองนอกเป็นระยะเวลานาน ก็คือเรื่องของการ "ฉีดวัคซีน" เพราะในหลายๆประเทศมีข้อกำหนด หรือข้อควรแนะนำสำหรับวัคซีนต่างๆที่เราควรจะฉีดไปก่อนเดินทางๆไป แต่คำถามก็คือ แล้วประเทศที่เราจะไปต้องฉีดอะไรบ้างล่ะ? ซึ่ง App นี้เองที่จะช่วยเรา สำหรับการตรวจเช็คว่าในแต่ละประเทศนั้น มีวัคซีนชนิดใด หรือตัวไหนที่เราควรจะต้องฉีดก่อนเดินทางไปบ้าง เพื่อที่เราจะได้ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆได้                                         
                                            
Visual Travel Checklist : ตัวช่วยการจัดกระเป๋า

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก
                         
        ใครที่ชอบลืมนู่นลืมนี่เวลาแพ็คกระเป๋า นี่เป็น App สำหรับการเตรียมตัวเดินทาง ที่จะช่วยให้เราเตรียมความพร้อมในการแพ็คกระเป๋าเดินทางค่ะ โดย App นี้จะช่วยเราในการสร้างลิสต์รายการ(Checklist) ของสิ่งของที่จำเป็นที่เราต้องนำไปด้วย รวมไปถึงลิสต์สิ่งที่เราต้องทำต่างๆก่อนเดินทางด้วย ซึ่งจะแสดงออกมาในรูปของไอคอนสวยๆ แทนที่การใช้กระดาษจดด้วยลายมือขยุกขยิกของเราเอง ที่นอกจากบางทีจะอ่านไม่ออกแล้ว ยังไม่รู้เอากระดาษจดนั้นไปวางแปะเอาไว้ที่ไหนอีกด้วย -*-
                            
21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก
                                              
Kayak : ตัวช่วยหา + จองตั๋วเครื่องบิน และที่พักในประเทศต่างๆ

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                 

        Kayak เป็น app อเนกประสงค์สำหรับช่วยในการเดินทางค่ะ โดยเราสามารถค้นหาและจองเที่ยวบิน, โรงแรม, รถเช่าและอื่น ๆ โดยตัวโปรแกรมจะช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบราคา และช่วยรวบรวมข้อเสนอแพ็คเกจการเดินทาง รวมถึงการลดแลกแจกแถมที่น่าสนใจจากเอเจนซี่ต่างๆ เช่น Orbitz, Expedia, Priceline อีกด้วยค่ะ ซึ่งเราก็จะสามารถเลือกจองอันที่ถูกที่สุดหรือดีที่สุดได้เลยทันทีค่ะ
                        
                                              
Gate Guru : เช็คสถานะเที่ยวบิน, แผนผังสนามบิน, แนะนำร้านค้าและร้านอาหารในสนามบิน

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                
          
        GateGuru เป็น App ที่จะช่วยให้เราสามารถเช็คข้อมูลสถานะของเที่ยวบินต่างๆได้แบบ real-time เช่นว่า เที่ยวบินล่าช้า, มีการเลื่อน หรือมีการเปลี่ยนแปลงใดๆมั้ย รวมถึงยังมีแผนผังสนามบินว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เช่นร้านค้า ร้านอาหารและบริการต่างๆ ซึ่งมีรีวิวพูดถึงกว่า 30,000 รีวิว ทั้งยังมีเคล็ดลับและภาพถ่ายจากเพื่อนเดินทางในสนามบินเกี่ยวกับสนามบิน เทอร์มินอล และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอีกด้วย นับว่าเป็น App ที่มีประโยชน์มากๆเลยล่ะค่ะ
                      
                               
21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                       
                        
AroundMe : สถานที่อะไรอยู่ที่ไหนในละแวกที่เราอยู่บ้าง

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                         
      
        AroundMe เป็น App ที่จะช่วยเราหาข้อมูลอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆโดยรอบของเรา ซึ่งมันจะระบุตำแหน่งที่เราอยู่ และช่วยให้เราสามารถรู้ตำแหน่งของธนาคาร, ปั้มน้ำมัน, โรงพยาบาล, โรงแรม, โรงภาพยนตร์, ร้านอาหาร หรือ ซูเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ ที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด โดยเราสามารถเลือกหมวดหมู่ของสถานที่ ระยะทางของสถานที่ต่างๆในหมวดหมู่ที่เราเลือกนั้น รวมถึงสามารถดูเส้นทางจากแผนที่ได้ด้วย สะดวกดีใช่มั้ยล่ะคะ ^^
                         
The Weather Channel : พยากรณ์อากาศ

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                                      

        App พยากรณ์อากาศนับเป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญมากๆ ยิ่งสำหรับใครที่ไปอยู่ในประเทศที่ภูมิอากาศแปรปรวนหรือเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ การตื่นขึ้นมาเช็คสภาพอากาศจึงเป็นอะไรที่ต้องทำทุกๆวัน ดังนั้นการมีรายงานสภาพอากาศอยู่ในมือถือใกล้ๆหัวเตียงจึงเป็นอะไรที่สะดวกสุดๆ เพราะนอกจากจะช่วยให้เลือกแต่งกายในวันนั้นๆได้เหมาะสมกับสภาพอากาศแล้ว ยังช่วยให้เราวางแผนในแต่ละวัน แต่ละอาทิตย์ หรือในชั่วโมงต่อไปตามสภาพอากาศได้ด้วย (เช่น ถ้าหิมะตกหนักจะได้ซุกตัวในผ้าห่มต่อแล้วโดดเรียน เอ๊ย! จะได้เผื่อเวลาเดินทางไปเรียนมากขึ้น เพราะพื้นมันลื่นทำให้เดินได้ช้าลง...)
             
                

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                      
                          
XE Currency : แปลงสกุลเงิน
                   
21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก
                          
        เรื่องน่าปวดของหลายๆคนในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ ก็คือเรื่อง "ของชิ้นนี้คิดเป็นเงินบาทไทยแล้วกี่บาท" ง่ายๆเลยค่ะสำหรับใครที่ไม่อยากปวดหัว เราก็แค่โหลด App แปลงสกุลเงินมาใช้ อย่าง XE Currency ก็แปลงให้เราได้ทุกสกุลเงิน (ใส่จำนวนเงินที่เราต้องการแปลง แล้วตัวโปรแกรมก็จะแปลงออกมาเป็นค่าเงินสกุลอื่นๆตามที่เราเลือกไว้) และโปรแกรมสามารถทำงานได้แม้ไม่มีการเชื่อมต่ออันเตอร์เน็ต (ถ้าไม่ต่อเน็ตมันจะแปลงโดยใช่ค่าเงินที่อัพเดตล่าสุด) การอัพเดตค่าเงินก็ง่ายๆ เพียงแค่เขย่าเครื่อง iPhone เท่านั้น
                     
Mint.com : สมุดบัญชีจดรายรับ - รายจ่ายส่วนตัว

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                            

        App นี้จะช่วยให้เราติดตามงบประมาณ และการจัดการเงินของเราทั้งหมดในที่เดียวเพื่อให้เราสามารถควบคุมดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของเราได้ โดยเราสามารถบันทึกรายรับ - รายจ่ายทั้งหมด รวมถึงให้โปรแกรมช่วยเตือนเวลาที่จะต้องจ่ายเงินที่ค้างชำระ หรือเงินที่ผ่อนจ่ายเป็นงวดๆต่างๆด้วย ซึ่งนับว่าเป็น App เพื่อการดูแลจัดการเรื่องการใช้จ่ายของเราได้เป็นระบบค่ะ
                      

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก

Skype : โทรกลับประเทศในราคาประหยัด

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                                 

        เมื่อครั้งก่อน พี่สตางค์ ได้พูดถึงเรื่องความสามารถของโปรแกรมสไก้ป์ (Skype) ในการโทรศัพท์กลับบ้านไปแล้ว โดยเฉพาะใครที่คุณพ่อคุณแม่ใช้อินเตอร์เน็ตไม่เก่ง เราก็สามารถโทรเข้าโทรศัพท์ทั่วไปแบบข้ามประเทศได้ในราคาประหยัด (อ่านเกี่ยวกับ Skype เพิ่มเติม CLICK!) เพราะฉะนั้นใครจะใช้สไกป์ก็ดาวน์โหลดโปรแกรมนี้มาไว้ในมือถือด้วยนะจ๊ะ
                  
Facebook

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                             

        คงจะไม่ต้องพูดมากนักเกี่ยวกับ App นี้ เพราะเชื่อว่าหลายๆคงจะมีติดมือถือกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะใครที่ติดเฟซบุ๊คมากๆ ชนิดที่ว่าต้องเช็คทุกวัน หรืออัพสเตตัสวันละ 4 เวลาทั้งหลังอาหารและก่อนนอน (หลายคนอาจจะอัพบ่อยกว่านี้อีกใช่มั้ยล่ะ 555+) ซึ่ง App นี้ก็ช่วยให้เราใช้มือถือเล่นเฟซบุ๊คได้ง่ายๆ ทำให้เราไม่พลาดการติดต่อสื่อสาร และการอัพเดตเรื่องราวใหม่ๆแน่นอนค่ะ
                               
Vonage Mobile : VoIP, Messenger

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                                 

        อีกหนึ่งโปรแกรมที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันแบบเรียลไทม์ผ่านอินเตอร์เน็ต ทั้งด้วยข้อความ เสียง และภาพ เช่นเดียวกับโปรแกรมอื่นๆที่มีความสามารถใกล้เคียงกันอย่าง Whatsapp, Line, MSN ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่า App เหล่านี้ล้วนมีประโยชน์ในการติดต่อสื่อสารกันแบบฟรีๆทั่วโลก (เสียค่าอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว) ซึ่งสำหรับ Vonage Mobile ยังสามารถใช้โทรเข้าโทรศัพท์ทั่วไปเหมือนSkype ได้ด้วย (โดยเสียเงินผ่าน iTunes) App นี้จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการติดต่อสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตค่ะ
          


21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                                                                                 
                    
Google Translate : กูเกิ้ลแปลภาษา

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                                         
         
        เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว กับโปรแกรม Google Translate ซึ่งขอบอกว่าตัว App บนมือถือเองก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน เพราะเจ้าตัวนี้สามารถแปลคำและประโยคได้จากภาษากว่า 60 ภาษา (แต่เราต้องมาเรียบเรียงเองอีกทีหนึ่ง 555+) ซึ่งเราสามารถใช้วิธีการ "พูด" ประโยคที่เราต้องการแปลแทนการพิมพ์ก็ได้ และเรายังสามารถฟังประโยคที่แปลออกมาแล้วได้ด้วยค่ะ
              
Interpret : แปลภาษา

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                      

        อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับโปรแกรมช่วยแปล ทั้งแปลคำโดดๆ หรือแปลประโยคทั้งประโยค เช่นเดียวกันกับ Google Translate ซึ่งเราสามารถที่จะอีเมลล์สิ่งที่แปลนั้นไปให้คนอื่นได้ หรือจะโพสต์บนเฟซบุ๊ค ทวีตเป็นข้อความในทวิตเตอร์ ติดแท๊กเป็นข้อความที่เราชื่นชอบ หรือจะเซฟข้อความนั้นเก็บไว้ดูในภายหลังอีกก็ได้
                      
Dictionary.com : พจนานุกรมพกพา

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                         

        แทนที่จะพกดิคชันเนรี่หรือพจนานุกรมเป็นเล่มๆ หรือพกเครื่องแปลอิเล็คทรอนิคอื่นๆ ถ้าเรามี App พจนานุกรม จากนี้เราพกโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวก็พอแล้ว และบาง App ยังมีฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆที่เสริมขึ้นมา และมีประโยชน์มากๆสำหรับผู้ใช้งาน อย่างเช่น  Dictionary.com ที่นอกจากจะมีคลังคำศัพท์มากกว่า 2,000,000 คำแล้ว ยังมีเรื่องของคำเหมือนและคำตรงกันข้าม (synonyms & antonyms) ประโยคตัวอย่าง และคำศัพท์แนะนำต่างๆด้วย
                                                          
Word Lens : กล้องแปลภาษา

        เป็นการแปลภาษาแบบเรียลไทม์กันไปเลย เพียงแค่ถ่ายภาพประโยคที่เราต้องการแปลด้วยกล้อง Word Lens ภาพประโยคต่างๆที่เราเห็นในกล้องก็จะกลายเป็นประโยคที่แปลแล้วในทันที! (แบบที่ต้องเห็นถึงจะเชื่อ! พี่สตางค์เลยเอาคลิปวิดีโอมาให้ดูกันด้วย ^^) นับว่าเป็น App ที่เจ๋งสุดๆไปเลยค่ะ ใครไม่เชื่อต้องดูคลิปด้านล่างเลย
                                                 



21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก

        การติดตามข่าวสารบ้านเมืองเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเราไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนและต้องพึ่งพาตนเอง และนอกจากเรื่องข่าวสารท้องถิ่นในพื้นที่นั้นๆแล้ว ข่าวที่เมืองไทยเราก็ไม่ควรพลาดด้วยเหมือนกัน ซึ่ง App ที่ทำให้เราตามติดข่าวทั้งของไทยและต่างประเทศก็มีเพียบ แต่หากใครอยากได้ข่าวแบบ Global News ทั่วทั้งโลกก็มีเหมือนกัน App ข่าวที่น่าสนใจก็เช่น

        - BBC News
        - NYTimes
        - AP Mobile (สำนักข่าว AP)
                                     

         
21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                      
                                             

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก
                                         
Kindle อ่านหนังสือบนมือถือ

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                               

        สำหรับใครที่รู้จักเครื่อง Kindle อยู่แล้วคงจะรู้ว่า App ตัวนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง แต่สำหรับใครที่ยังไม่ทราบ App นี้จะช่วยให้เราอ่านหนังสืออิเล็คทรอนิคส์ หรือ e-book บนมือถือ ซึ่ง Kindle เองก็มีหนังสือให้เราได้เลือกโหลดมาอ่านมากมาย ทั้งตำราเรียน นิยาย หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ฯลฯ อีกทั้งโปรแกรมนี้ยังสามารถใช้อ่านไฟล์ที่เป็น PDF ได้ด้วย
                   
iTunes U : แหล่งความรู้ทั่วโลก

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก                              

        iTunes U เป็น App ที่จะรวบรวมแหล่งความรู้จากคอร์สต่างๆของมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาชั้นนำทั่วโลก โดยจะรวบรวมทั้งประมวลรายวิชา,ไฟล์ตำราหรือหนังสือที่ใช้เรียน เสียงและวีดีโอต่างๆที่ใช้ในการเรียนการสอน งานและการบ้านต่างๆที่จะต้องทำ (assignment) รวมถึงวีดีโอหรือเสียงจากการเลกเชอร์ในชั่วโมงเรียนด้วย  ซึ่งเราสามารถเข้าไปหาความรู้เพิ่มเติมในคอร์สที่เราสนใจได้ฟรีๆจากหลายพันคอร์ส (บางสถาบันก็เปิดให้ทุกคนเข้าถึงได้ แต่บางสถาบันก็เปิดให้เฉพาะนักเรียนที่ลงเรียนวิชานั้นๆเข้าถึงได้ เท่านั้น)


21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก
                                
Dragon Dictation : แปลงเสียงเป็นตัวอักษร

21 App ใน iPhone ! ตัวช่วยฟรีๆ สำหรับเด็กเรียนนอก

        นี่เป็นอีกหนึ่ง App ที่ถือเป็นตัวช่วยที่พี่สตางค์ชอบมากๆค่ะ! และคาดว่าใครหลายๆคนก็คงจะชื่นชอบเช่นเดียวกัน เพราะนี่เป็น App ที่จะช่วยเราแปลงเสียงเป็นตัวอักษรค่ะ! เรียกว่าแค่พูดเท่านั้น มันก็จะแปลงเสียงนั้นออกมาเป็นตัวอักษร หรือ Text ให้เราโดยเราไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการพิมพ์อีเมลล์ การจดบันทึก การถอดเทป หรือแม้กระทั่งการทวีตลงทวิตเตอร์ รวมไปถึงการอัพสเตตัสในเฟซบุ๊คด้วย แต่น่าเสียดายอยู่อย่างเดียวคือมันยังไม่รองรับภาษาไทยค่ะ