แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Plant แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Plant แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อยากปลูกมัลเบอร์รี่ขึ้นมา

มัลเบอร์รี่ หรือ หม่อน ที่ได้รับความนิยมปลูกอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ “ไวท์มัลเบอร์รี่” หรือ MORUS MACROURA มีถิ่นกำเนิดจากประเทศ บังกลาเทศ ต้นสูง 2.5-3 เมตร ติดผลดก ผลมีขนาดใหญ่และยาวกว่าผลของหม่อนหรือ “มัลเบอร์รี่” พื้นเมืองอย่างชัดเจน ซึ่งผลอ่อน ของ “ไวท์มัลเบอร์รี่” เป็นสีเขียว รสชาติหวานเล็กน้อย ไม่เปรี้ยว ผลมีขนาดใหญ่คือ ยาว 8–10 ซม. เมื่อสุกเป็นสีขาวอมเหลือง รสชาติหวานจัดมีกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นน้ำผึ้งรับประทานอร่อยมาก สามารถปลูกในบ้านเราได้ดี ปลูกลงกระถางติดผลได้ หากปลูกลงดินควรให้น้ำน้อยจะติดผลไม่ขาดต้น
อีกชนิดหนึ่ง คือ “มัลเบอร์รี่ลูกผสม” เคที 1 หรือ MORUS HYBRID นำเข้าจาก ประเทศไต้หวัน ปลูกเติบโตได้ดีในสภาพอากาศบ้านเรา เป็นพันธุ์ที่มีต้นแคระ สูงเต็มที่ไม่เกิน 1 เมตร แตกกิ่งก้านห้อยย้อยลง ผลมีความยาว 4–6 ซม. ผลเป็นสีแดงและแดงเข้ม เมื่อผลสุกเต็มที่จะเป็นสีดำ เหมือนกับสีของผลหม่อนหรือ “มัลเบอร์รี่” พันธุ์พื้นเมืองที่นิยมปลูกทั่วไป แต่ขนาดผลจะใหญ่และยาวกว่า รสชาติขณะผลสุกจะหวานสนิทไม่มีเปรี้ยวเจือปนเลย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รับประทานอร่อยไม่แพ้ชนิดแรก ซึ่ง “มัลเบอร์รี่ลูกผสม” เคที 1 จะให้ผลผลิตสูง ติดผลดกสีสันสวยงามยิ่งนัก  สามารถปลูกลงกระถางขนาดเล็กติดผลดกได้ ใบอ่อนเด็ดไปตากแห้งทำเป็นใบชาชงดื่ม มีกลิ่นหอมรสชาติดี เป็นที่นิยมทั่วไป จัดเป็นสายพันธุ์ที่ทนต่อโรคแมลงทุกชนิด “มัลเบอร์รี่” ทั้ง 2 ชนิด ถ้า ต้องการให้ติดผลทั้งปี ให้รูดใบแก่ทิ้ง เมื่อแตกใบใหม่จะมีดอกและติดผลทันที
ใครต้องการต้น “มัลเบอร์รี่” ทั้ง 2 ชนิด ติดต่อ “ร้านสวนสุโขทัย” โทร.08–9790–1057 หรือไปซื้อที่ งานเกษตรแฟร์ ม.เกษตรฯ บางเขน กทม. วันที่ 22–30 มี.ค.57 ที่ “ร้านสวนสุโขทัย” โซน เจ 204–207 และที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ โครงการ 21 แผง “คุณพร้อม- พันธุ์” ราคาสอบถามกันเองครับ.
“นายเกษตร”

https://www.facebook.com/pages/DIY-Garden-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-10-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/1431229423787066  พันธุืหิมาลายัน

     การปลูกหม่อนให้มีผลรับประทานตลอดปี สามารถกระทำได้แต่ต้องเอาใจใส่ ทำการบังคับหรือเร่งให้ต้นหม่อนให้ผลิดอกออกผลนอกฤดูกาลหมุนเวียนกันตลอดปี แค่นี้เราก็มีผลหม่อนสดให้ลิ้มรสกันทุกวัน ลองตามอ่านดูว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง

  1. ต้องปลูกหม่อนอย่างน้อย 4 ต้น ถามว่าจะปลูกมากกว่านี้ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ครับ เช่น เพิ่มเป็น 8 ต้นหรือ 12 ต้น จะทำให้หม่อน 2-3 ต้น มีผลสุกพร้อมให้เก็บผลผลิตเหลื่อมกันตลอด เป็นการประกันว่าจะมีผลหม่อนให้เรารับประทานแบบไม่ขาดช่วง แม้อาจจะมีปัจจัยเสี่ยงเกิดขึ้น เช่น สภาพอากาศร้อนจัด ทำให้ผลร่วงก่อนกำหนด ฯลฯ
  2. ต้องโน้มกิ่งหม่อนปีละ 1 ครั้ง รายละเอียดดังแผนภูมิและรูปภาพ
  3. ต้องตัดกิ่งแขนงต้นหม่อนให้ออกกิ่งใหม่ทุกปีๆละ 2 ครั้ง พร้อมรูดใบออก ดูรายละเอียดระยะการตัดแต่งแต่ละต้นตามแผนภูมิและรูปภาพ
  4. เก็บผลผลิตผลหม่อน ได้ทั้งในระยะผลห่าม (ผลมีสีแดงประมาณ 50% และสีม่วงประมาณ 50%) หรือระยะผลสุก(สีม่วงดำทั้งผล) ตามความต้องการว่าต้องการผลหม่อนรสหวานอมเปรี้ยว หรือหวานจัด มีระยะเวลาการเก็บผลได้ต้นละประมาณ 1 เดือน              
หม่อนแต่ละต้นต้องเป็นอิสระต่อกัน  
        ตามแผนภูมิการปลูกหม่อนผลสดจำนวน 4 ต้น เราสามารถปลูกพร้อมกันได้ ถ้าสามารถให้น้ำต้นหม่อนได้ เราจะปลูกต้นหม่อนเดือนไหนก็ได้ แต่การปลูกจะให้เจริญเติบโตเร็วก็ควรปลูกในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป การปลูกในปีแรกควรปล่อยให้ต้นหม่อนเลี้ยงลำต้นให้แข็งแรง เมื่อครบปีหรืออาจไม่ครบปีแต่กิ่งหม่อนแก่แล้วจึงจะทำการโน้มกิ่งได้ เพื่อให้หม่อนติดดอกออกผล ถ้าต้องการให้ต้นหม่อนมีตอสวยงาม ไม่มีตอเล็กตอน้อยมากเกินไปให้ตัดกิ่งไว้ตอ 1-3 ตอ ให้สูงจากพื้นดินประมาณ 80-100 เซนติเมตร                                            
        เมื่อกิ่งใหม่แตกออกแล้วมีอายุ 6-12 เดือน ก็เริ่มโน้มกิ่งเพื่อให้ผลิดอกออกผลได้ และทำการตัดแขนงทุกๆ 4 เดือน โดยกิ่งยังถูกโน้มไว้เช่นเดิม พูดง่ายๆคือหม่อนแต่ละต้นจะถูกบังคับให้ออกผลปีละ 3 ครั้ง ในช่วงระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป ดังแผนภูมิที่ 1, 2 และ 3                                      

เมื่อเข้าใจว่าจะต้องทำอะไร อย่างไร คร่าวๆแล้ว เราไปลงมือปลูกหม่อนผลสดกันเลยนะครับ
การปลูกต้นหม่อนผลสด
  1.     ระยะปลูก อาจปลูกเป็นแถว แต่ละต้นห่างกัน 4 เมตร เพื่อเผื่อรัศมีทรงพุ่มไว้อย่างน้อย 2.00 เมตร หรือจะปลูกในแปลงพื้นที่สี่เหลี่ยมด้วยระยะปลูก 4.00 x 4.00 เมตรก็ได้
  2.     การเตรียมหลุมปลูก ขุดหลุมลึก 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 10 กิโลกรัมต่อหลุม ใส่ปูนโดโลไมท์หรือปูนขาว ประมาณ 1 กิโลกรัมต่อหลุม และปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 อัตรา 250 กรัมต่อหลุม หรือจะให้แม่นยำต้องใส่ตามค่าการวิเคราะห์ดิน คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วกลบหลุมด้วยหน้าดินให้พูนเล็กน้อย
  3.     วิธีการปลูก ขุดดินบนหลุมที่เตรียมไว้ให้ลึกพอประมาณ แล้วนำต้นหม่อนที่เตรียมไว้ด้วยวิธีการต่างๆลงปลูกกลบดินให้แน่น
  4.     การบังคับทรงต้น  ต้นหม่อนที่ปลูกจากกิ่งชำชนิดล้างราก หรือชนิดชำถุง หรือปลูกด้วยท่อนพันธุ์จากกิ่งพันธุ์โดยตรง  เมื่อต้นหม่อนเจริญเติบโตได้ประมาณ 6-12 เดือน จะต้องบังคับทรงพุ่มโดยตัดแต่งกิ่งให้เหลือเพียงกิ่งเดียวไว้เป็นต้นตอ มีความสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร จากพื้นดิน ปล่อยให้หม่อนแตกกิ่งใหม่หลายๆกิ่ง เก็บกิ่งที่สมบูรณ์ไว้ กิ่งที่ไม่สมบูรณ์ให้ตัดทิ้งเพื่อให้ด้านล่างโปร่ง ง่ายต่อการปฏิบัติดูแลรักษาด้านเขตกรรมต่างๆ เช่น การกำจัดวัชพืช การใส่ปุ๋ย การพรวนดิน การตัดแต่งกิ่งแขนงและการเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นต้น อนึ่งสำหรับหม่อนที่ปลูกในปีแรกๆ ลำต้นและระบบรากยังเจริญเติบโตไม่มาก อาจจะหักล้มได้ง่าย ดังนั้นจะต้องทำการยึดลำต้นไว้ด้วยไม้ หรือไม้ไผ่ให้แน่นหนา
  5.     การใส่ปุ๋ย ในปีที่ 2 ให้ใส่ปูนขาวหรือปูนโดโลไมท์ตามการวิเคราะห์ความต้องการปูนขาวของดินเพิ่ม ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 10 กิโลกรัมต่อต้น ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 250 กรัมต่อต้น
  6.     การให้น้ำ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้น้ำหม่อนในระยะที่หม่อนติดผลแล้ว (โดยปกติจะมีฝนหลงฤดูหรือฝนชะช่อมะม่วงผ่านเข้ามา จะทำให้ต้นหม่อนแตกตาติดดอก ถ้าไม่มีฝนหลงฤดู หลังโน้มกิ่ง รูดใบ ต้องให้น้ำกระตุ้นการแตกตาแทนน้ำฝน) หากขาดน้ำจะทำให้ผลหม่อนฝ่อก่อนที่จะสุก หรือทำให้ผลหม่อนมีขนาดเล็ก
  7.     การตัดแต่งกิ่งและการดูแลรักษาทรงพุ่ม ตัดเฉพาะกิ่งแขนงที่ไม่สมบูรณ์และเป็นโรคทิ้ง เพื่อลดการสะสมโรคและแมลการบังคับให้หม่อนติดผลนอกฤดูกาล ใช้วิธีการบังคับต้นหม่อน เพื่อให้ได้ผลผลิตผลหม่อนในระยะเวลาที่ต้องการ มีวิธีการดังนี้
1)    ทำการโน้มกิ่งหม่อนที่ปลูกแบบทรงพุ่ม โดยการโน้มกิ่งให้ปลายยอดขนานกับพื้น หรือโน้มลงพื้นดิน รูดใบหม่อนออกให้หมด พร้อมทั้งตัดยอดส่วนที่เป็นกิ่งสีเขียวออกยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ใช้เชือกผูกโยงติดไว้กับหลักไม้ไผ่ ซึ่งปักไว้บนพื้นดินสำหรับยึดเชือกไว้
2)    หลังการโน้มกิ่ง 8-12 วัน ดอกหม่อนจะแตกออกพร้อมใบ  จากนั้นจะมีการพัฒนาการของ ผลหม่อน โดยผลจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีขาว สีชมพู สีแดง และสีม่วงดำ ตามลำดับ โดยใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน ผลจะเริ่มแก่และสุก สามารถเก็บไปรับประทานสดหรือนำไปแปรรูปได้  มีระยะเวลาในการเก็บผลประมาณ 30 วันต่อต้น เพราะผลหม่อนจะทยอยสุก เนื่องจากออกดอกไม่พร้อมกัน
เมื่อต้นหม่อนมีอายุตั้งแต่ 2 ปี เป็นต้นไปจะให้ผลผลิตผลหม่อนประมาณ 1.5-35 กิโลกรัม(ประมาณ 750-1,850 ผลต่อครั้งต่อต้น) เพียงพอต่อการบริโภคผลสดทั้งครอบครัวทุกวัน ตลอดปี ซึ่งร่างกายต้องการวันละ 10-30 ผลเท่านั้น อีกทั้งยังมีผลหม่อนสดไว้แปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่มได้อีกหลายชนิด เช่น น้ำหม่อน แยมหม่อน เชอเบทหม่อน ฯลฯ ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ สำหรับผู้รักสุขภาพทุกท่านที่จะปลูกหม่อนไว้รับประทานเอง หากสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ก็ติดต่อมาได้ที่กรมหม่อนไหม จตุจักร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 089-4476600 ในหรือนอกเวลาราชการก็ยินดีครับ
บรรณานุกรม
ธเนศ จันทน์เทศ,  จินตนาภรณ์ วัฒนธร,  สุภาพร มัชฌิมะปุระ,  วิโรจน์ แก้วเรือง,  เทอดไทย ทองอุ่น,     ศุภชัย ติยวรนันท์,  นงนุช เอื้อบัณฑิต,  จิณัติตา จิตติวัฒน์,  ณกรณ์ ไกรอนุพงษา และ สุกานดา   คำปลิว. 2555. การศึกษาศักยภาพในการแปรรูปผลหม่อนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพในการป้องกัน และลดการทำลายของเซลล์ประสาทและความบกพร่องของความจำใน Alzheimer’s disease. การประชุมวิชาการหม่อนไหม ประจำปี 2555. กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
วสันต์ นุ้ยภิรมย์. 2546. หม่อนรับประทานผลและการแปรรูป. สถาบันวิจัยหม่อนไหม กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. นันทกานต์กราฟฟิคการพิมพ์. 74 หน้า
วิโรจน์ แก้วเรือง. 2552. ภูพยัคฆ์ แหล่งผลิตหม่อนผลสดรสเลิศ. จดหมายข่าวเส้นไหมใบหม่อน ปีที่4 ฉบับที่ 4
สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
 ที่มา : น.ส.พ.กสิกร ปีที่ 86 ฉบับที่ 3 พฤษภาคม-มิถุนายน 2556 โดย วิโรจน์  แก้วเรือง และวิเชียร ขวัญอ่อน
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ไร่นายจุล คุ้นวงศ์ จำกัด สาขา สำนักงานใหญ่
442 หมู่ที่ 3 ถ.สามัคคีชัย ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67210
โทรศัพท์ 056-771101-4 ต่อ 135-136
แฟกซ์ 056-771536
หรือเว็บไซค์ http://www.chulthai.com/---ซื้อปลาส้มกัน

ต้นไม้เป็นโรค

ท่องคาถาว่า Carbendazim สามจบแล้วเป่าพรวดลงให้ทั่วต้น
หายาฆ่าเชื้อราฉีดเลย ตาม HomePro ก็มีขาย

ลองเอาวิธีนี้ จาก คุณวารสาร " ไม้ดอกไม้ประดับ" ฉบับที่ 22/46ปีที่2 ไปใช้ดูนะค่ะ 
นำพริกแห้งที่ป่นละเอียด 100 กรัม ผสมน้ำ 1 ลิตร คนให้เข้ากันทิ้งไว้ 1 คืน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง หลังจากนั้นนำน้ำพริกนี้ 1 ส่วนผสมกับน้ำสบู่ 5 ส่วน ซึ่งการผสมน้ำสบู่จะช่วยให้จับเกาะใบพืชได้ดีขึ้น ฉีดพ่นทุก ๆ 7 วัน 
จะช่วยในการป้องกันและขับไล่แมลงที่มากัดกินไม้ดอกไม้ประดับค่ะ


ยาสูบแช่เหล้า หรือไม่ก็หางไหลแช่เหล้าผมลองแล้วได้ผลแน่นอนคับ



แนะนำให้ฉีดน้ำหมักยาฉุนหรือสะเดา สามารถช่วยได้ครับ ฉีดอาทิตย์สัก 2 ครั้ง จะได้ไม่โดนหนอนรุกรานครับ



หางไหลหรือโลติ้น2กิโลสับละเอียด แช่เหล้าขาวหรือเหล้าเถื่อน1ขวด 20ซีๆน้ำ20ลิตรได้ผลชะงักนักแล(แช่1คืนกรองเอาน้ำมาฉีด



แนะนำให้ใช้น้ำหมักหางไหลฉีด เสร็จแล้วให้นำน้ำหมักผลตาลมาฉีดบำรุงครับ จะช่วยทำให้มะลิออกดอกดี บำรุงต้นด้วยครับ แต่อย่าลืมนะครับหากไม่ยากให้มีแมลงหรือหนอนมารบกวนต้นมะลิให้ทำการฉีดน้ำหมักกำดแมลงอาทิตย์ละ 1ครั้งนะครับ



ที่มา http://www.rakbankerd.com/webboard/webboard_detail.php?topic_id=248



การดูแลมะลิ



http://www.sotus.co.th/Home%20garden%20care_jasmine.html

http://www.thaikasetsart.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A5/

สงสัยว่า mistletoe คืออะไร

 Kiss(es) Under the Mistletoe ตามคำอธิบายของ 

 คัดลอดมาจาก** http://247live.blogspot.com/2012/06/kisses-under-mistletoe-with-you-shawty.html

"Mistletoe" ที่จริงแล้วเป็นไม้พันธุ์หนึ่ง ที่มันไม่ได้ขึ้นบนดิน แต่จะขึ้นบนต้นไม้เหมือนๆกับ "กาฝาก" ในบ้านเรานี้เอง และเขาก็จำแนกเจ้า Mistletoe ให้อยู่ในประเภทของกาฝากนี่แหละ กล่าวคือถือว่ามันเป็นปรสิต ที่คอยดูดอาหารที่จะไปเลี้ยงต้นไม้ เจ้า Mistletoe นี้จะมีผลเล็กๆเท่าลูกเบอรรี่ มีสีขาว หรือสีแดง แล้วแต่พันธุ์ ซึ่งข้างในมียางเหนียว ๆ ซึ่งเป็นพิษต่อผิวหนัง ผมไม่มีข้อมูลว่า ถ้ากินเข้าไปจะเป็นอย่างไร แต่ไม่น่าจะถึงตาย ไม่เคยกินเหมือนกัน อิอิ.


แล้วทำไม JB ต้องไปยืนอยู่ใต้ต้น Mistletoe นี้ด้วย? แค่ต้นกาฝากเนี่ยนะ จะโรแมนติกตรงไหน!

เรื่องนี้ต้องย้อนอดีตไปถึงยุโรปยุคต้น สมัยที่ในยุโรปยังเชื่อเรื่องแม่มด มีความเชื่อกันว่า เจ้า Mistletoe นี้สามารถนำมาใช้ป้องกันมนต์ของแม่มดได้  บ้านเราก็เจ๋งไม่แพ้กัน เพราะเรามีใบหนาดไว้ป้องกันมนต์แม่นาคได้ ฮ่าฮ่า นอกจากนั้นยังเอามาปรุงเป็นยาได้หลายขนานทีเดียว จึงมีความเชื่อกันว่า Mistletoe มันเป็นไม้มงคลยิ่งนัก และถูกเอามาประดับตามบ้าน ด้วยเหตุผลคล้ายๆกับที่เราเอาใบหนาดมากันผีกระสือนั่นแหละ อย่างไรก็ตามในส่วนที่ว่าเป็นยานั้น ไม่ได้มีตำหรับยาตกทอดมาถึงปัจจุบันเลย จึงไม่รู้ว่ามันเป็นยาอะไรยังไงแน่ คือคุณต้องเข้าใจก่อนว่ามันมาจากยุโรปยุคต้น เราทราบๆกันอยู่แล้วว่า ในยุโรปยุคกลางศาสนจักร เป็นใหญ่เหนืออาณาจักร เรื่องแม่มดหมอผี ยาผีบอก มันย่อมขัดต่อกฏของศาสนจักร ขนาดตำหรับยาของนอสตราดามุส ยังถือว่าผิดกฏหมาย ที่จริงมันก็เรื่องสำอางค์ธรรมดานี่เอง แล้วคิดเหรอว่าตำหรับยาที่มี "ความขลัง" จะถูกปล่อยให้หลุดรอดสายตาของโบสถ์ไปได้ ..

มาดูตำนานของกรีกกันบ้าง
ที่กรีกเขานิยมนำเจ้า Mistletoe มาทำซุ้ม พิธีแต่งงาน เขาถือความเป็นมงคลของไม้ชนิดนี้ เช่นเดียวกับชาวยุโรป และยังเชื่ออีกว่าถ้าแต่งงานใต้ซุ้มที่ประดับประดาด้วย Mistletoe เจ้าบ่าว เจ้าสาว ก็จะอยู่กันยืด ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร เขาไม่ได้บอกว่าด้วยเพชรบลูไดม่อนหรือเปล่า ..ฮาาา แล้วถ้าคนที่ยังไม่แต่งงานกันมาจุมพิตกันใต้ซุ้มนี้ ก็จะเหมือนกับได้รับคำอวยพรให้ทั้งสองคนได้แต่งงานกันในอนาคต หนักๆเข้าผู้ชายกับผู้หญิงคบๆกันไป ผู้หญิงต้องการความมั่นใจ เลยจับผู้ชายไปสาบาน ..เอ้ย ไม่ใช่ ไปคิสสสกันใต้ Mistletoe มันจึงมีความหมายว่าเป็นการให้คำมั่นสัญญา (Commitment) ว่าจะแต่งงานกันไปโดยปริยาย ..ฟังดูก็ไม่เห็นจะโรแมนติกไปกว่า ไอ้ขวัญกับอีเรียม ที่สาบานกันอยู่ใต้ต้นไทร ถัดออกไปมีเจ้าทุยยืนเคี้ยวเอื้อง และนกเอี้ยงสองตัว เกาะเขาข้างละตัว เป็นพร๊อบที่โรแมนติกมวากกส์  ว่ามะ?




จากยุคกรีกนี่เอง จึงเกิดคำว่า "Kiss(es) under the Mistletoe" และในเพลง "Mistletoe" จัสติน บีเบอร์ บอกว่า เขาอยากจะไปยืนอยู่ใต้ต้น Mistletoe กับเจ้าหล่อนที่เขาพูดถึง ผู้หญิงที่ทำให้เขาไม่ได้ออกไปเล่นสนุกสนานในเทศกาลคริสต์มาส เพราะมัวแต่คิดถึงเจ้าหล่อนอยู่นั่นเอง จัสติน อยากไปยืนใต้ต้นไม้กับเธอ เพื่อที่ว่าจะได้จุมพิตเธอ (ลิเกไปหรือปล่าว อย่าเพิ่งอ๊วกนะ) ซึ่งการจุมพิตใต้ต้น MIstletoe มันสื่อความหมายว่า "ขอเป็นแฟนกับเธอ" ซึ่งมันเป็นความหมายปัจจุบันครับ ไม่ได้แปลว่า "ฉันจะแต่งงานกับเธอ" แบบในยุคกรีกอีกต่อไป

และเพลง Mistletoe ก็เป็นซิงเกิ้ลที่ตัดออกมาจากอัลบัม "Under the mistletoe" ซึ่งจะวางแผงเร็วๆนี้ครับ  ..เอ้าโฆษณาให้ซะงั้น

วันนี้คุณได้เรียนรู้ว่า
1. จัสติน บีเบอร์ ไม่ได้แค่จะไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้กับสาวน้อยเฉยๆ  แต่เขาจะจูบเธออีกด้วย  ..เป็นเด็กเป็นเล็ก คิดจะหลอกสาวไปจูบ ..เดี๋ยวเตะกลิ้งเลยนี่
2. Kisses under the Misstletoe ใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงว่าสองคนที่จูบกันใต้ต้นนี้จะคบกัน ..ก็ไม่รู้ว่าถ้าจูบใต้ตนไม้อื่น ๆ อย่างต้นลีลาวดีหน้าบ้านผม มันจูบได้ฟรี ไม่ต้องคบกันก็ได้ ..หรือไงนะ?
3. Mistletoe เป็นไม้ตระกูลกาฝาก มันมีความหมายขึ้นมาได้ เพราะคนไปใส่ใจมันเอง ถ้าเราอยากจะทำให้ "ใบหนาด" ดังบ้าง ก็ให้แกรมมี่ แต่งเป็นเพลงไปให้เทเลอร์ สวิฟต์ร้อง เดี๋ยวต่างชาติมันก็สนใจเองแหละ ว่าอะไรคือใบหนาด และจะเริ่มคิดว่าแม่นาคสวยเหมือนเทเลอร์ สวิฟต์ อีกด้วย!!!

พบกันใหม่ เมื่อธนูปักเข่า ..เอิ๊กกกก

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ทิลแลนเซีย สัปรดอากาศ


--ไปเดินเจเจตลาดนัดวันพุธ--สอยเจ้าสับปะรดอากาศมา 2-3 ต้น 
 เอ๋??? มัดขอนไงดี แอบลอกเค้าดีกว่า---

ทิลแลนด์เซีย ( Tillandsia )
เป็นชื่อสกุลย่อย (genus) ของพืชในตระกูล Bromeliaceae (family)

ชื่อทิลแอนด์เซีย ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่นายแพทย์ชาวฟินแลนด์ที่ชื่อ
เอลเลียส ทิลแอนด์ส ( Elias Tillands )

ทิลแอนด์เซีย ที่ผู้คนนิยมเลี้ยงมักเป็นพวกทนแล้ง เนื่องจากเลี้ยงง่าย ไม่ต้องใช้
วัสดุปลูก พวกทนแล้งสังเกตได้ง่ายจากขนหรือเกล็ดสีเทาหรือสีขาวที่ขึ้นปกคลุม
ทั่วต้น เกล็ดสีขาวที่พูดถึงคือ ไทรโคม หรือ เพ็ลเททสเกล (Trichome or Peltate Scales)

Trichome ทำหน้าที่ดูดซับความชื้น และธาตุอาหารจากอากาศ แต่ไทรโคม
ของทิลแอนด์เซียในกลุ่มทนแล้ง (xeric type) จะพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษกว่าชนิดอื่น จะเห็นได้ว่าเมื่อฝนตกลงมา หรือมีหมอกจัด หรือที่ๆ มีความชื้นสูง ขนเหล่านี้จะดูดความชื้นเข้าไป และย้ายจากผิวใบเข้าสู่กลุ่มเซลล์เก็บน้ำภายในใบ ช่วยให้ใบแห้งเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ไทรโคมยังมีหน้าที่
ระบายความร้อนและสะท้อนแสงอีกด้วย

สาเหตุที่ทำให้ทิลแอนด์เซียหลายชนิดมีคนปลูกเลี้ยงมากคือ ต้นไม่ใหญ่เกินไป
ไม่มีหนาม เลี้ยงง่าย ไม่ต้องใช้วัสดุปลูก มีรูปร่างแปลก สวยงาม มีสีสัน
ฉูดฉาดน่าดึงดูด แต่ข้อเสียคืออาจโตช้ากว่าบรอมีเลียดชนิดอื่น

บรอมีเลียด คืออะไร? บรอมีเลียด คือ ชื่อเรียกย่อโดยรวมของพืชในวงศ์
สับปะรด (Bromeliaceae) บรอเมลิอาเซอี, บรอมีลิอาซีอี ทั้งที่ใช้กิน และใช้ประดับ ซึ่งมีมากกว่า 2500 ชนิด และไม่นับรวมกับลูกผสมใหม่ๆ ซึ่งมีมากกว่า 500 ชนิด บรอมีเลียด BROMELIACEAE'S FAMILY
จำแนกได้เป็น 3 วงศ์ย่อยคือ

PITCAIRNIOIDEAE
-เป็นบรอมีเลียดจำพวกบนดิน-ทนแล้ง (Terrestrial Xeric Bromeliad)
ใบอวบน้ำและไม่อวบน้ำ มีหนามแหลมคม ผลเป็นแบบ capsule
เมล็ดมีปีกสามารถปลิวลอยไปกับลมได้

BROMELIOIDEAE
-เป็นบรอมีเลียดกึ่งดิน กึ่งอิงอาศัย ไม่ทนแล้ง (Epiphytic Mesic Bromeliad)
มีทั้งใบอวบน้ำ และไม่อวบน้ำ ใบมีหนามมีทั้งแหลมคม และไม่แหลม
ผลเป็นแบบ Berry เมล็ดมีความหนาแข็งมีเมือกเหนียวห่อหุ้ม

TILLANDSIOIDEAE
-เป็นบรอมีเลียดอิงอาศัย หรือจำพวกพืชอากาศ มีทั้งชนิดทนแล้ง และไม่
ทนแล้ง (Epiphytic Atmospheric type, True air plants, Xeric type)
มีทั้งใบอวบน้ำและไม่อวบน้ำ ไม่มีหนาม ขอบใบเรียบ ผลเป็นแบบ capsule
เมล็ดมี pappus เป็นเส้นใยสามารถปลิวลอยไปกับลมได้

การดูแลต้นไม้

การให้น้ำ - ให้แบบละออง หรือพรมน้ำให้ทั่วต้นจนเปียก จะรดน้ำแบบใช้
สายยางจากประปาก็ได้ ถ้าหากเลี้ยงต้นไม้เกาะไว้กับขอนไม้นอกบ้าน หรือเกาะไว้กับต้นไม้
-ถ้าอากาศร้อน หรืออากาศแห้ง ให้น้ำวันเว้นวัน
-อากาศเย็น หรืออากาศชื้น ให้น้ำ 2-3 วันต่ออครั้ง

แสง - พรางแสงจากดวงอาทิตย์ประมาณ 50-60% หรือเลี้ยงไว้ใต้ร่มไม้
หากเลี้ยงประดับไว้ในบ้าน สามารถใช้แสงจากหลอดนีออนในบ้าน หรือ office ได้

บรรยากาศรอบข้าง - ไม่เป็นที่อับชื้น หรือ อับลม เป็นที่ที่มีอากาศพัดผ่านบ่อย
หากเลี้ยงภายในตัวบ้าน หรือ office เลี้ยงไกล้ๆหน้าต่างก็ได้

ปุ๋ย - ใช้ปุ๋ยกล้วยไม้แบบเกล็ด ละลายน้ำจนเจือจาง ให้ทุกๆ 1 เดือน หลังจาก
ให้เสร็จให้ทิ้งไว้หนึ่งชม. แล้วรดน้ำตามอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ปุ๋ยตกค้างที่ใบเป็นการไม่ให้ต้นไม้เกิดอาการใบไหม้ แต่ปกติแล้วถ้าต้นไม้ไม่โทรมปุ๋ยก็ไม่จำเป็น เพราะถ้าให้บ่อยหรือถี่เกินไปต้นไม้อาจเสียรูปทรงได้
โดยส่วนตัวแล้วจะใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ เพราะเป็นสารจากธรรมชาติปลอดภัยต่อผู้ใช้ด้วย ยิ่งผลิตจากสมุนไพรที่มีส่วนผสมของดอกสะเดาด้วยแล้ว จะยิ่งสามารถกันแมลงได้ในตัว โดยผสมครึ่งช้อนชาต่อน้ำ 1.5-2 ลิตรแล้วฉีดพ่นให้เปียกทั่ว ให้ทุกๆ 1-2 เดือน หรือถ้าหากจะให้ถี่ๆ เช่นอาทิตย์ละครั้ง
ก็ลดส่วนผสมของปุ๋ยลงอีกครึ่งหนึ่ง แต่ส่วนผสมของน้ำยังเหมือนเดิม
สูตรนี้ใช้ได้กับบรอมีเลียดทุกชนิด ไม่ว่าจะทางใบหรือราก

[ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.ssairplants.com/home.html]

ที่มาของความรู้เหล่านี้
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nulaw-08&month=08-2012&date=18&group=7&gblog=470

-------------------------------------------------------
มาดูกันดีกกว่าว่าเค้าเกาะขอนยังไงกันบ้าง

http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2012/06/J12228759/J12228759.html











คนบ้า(น)ป่า









TASSY_TT



TASSY_TT





http://ssairplants.com/howtocare.html



ต้นไม้แขวนเคราฤาษี สับปะรดสีทิลแลนด์เซียบนลูกตีนเป็ด

--------------------------------------
พอได้ไอเดีย แล้วไปจัดการของเรากัน

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พวงคราม


พวงคราม ครามม่วงพวงอร่าม
พวงไหนถาม ว่าพวงนี้พี่ปลูกไว้
ปลูกตั้งแต่ต้นปีไม่ทันไร
ใกล้สิ้นปีไซร้ ดอกว่ามาเป็นพวง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Petrea Volubilis. Linn.
ชื่อสามัญ : Purple Wreath, Queen's Wreath, Sandpaper Vine, Bluebird Vine
Synonyms : Petrea arborea, Petrea racemosa, Petrea mexicana, Petrea erecta
วงศ์ : VERBENACEAE
ที่มารูป
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=renton&month=11-2008&date=06&group=9&gblog=2

การปลูก 
วิธีการปลูกพวงคราม มักจะนำกิ่งที่ได้จากการปักชำมาปลูกลงดิน ไม่นิยมปลูกลงกระถาง เนื่องจากพวงครามเป็นไม้ที่มีลำต้นค่อนข้างใหญ่ หรือมีเถาที่ค่อนข้างจะเลื้อยไปไดไกล และจะนิยมใช้กิ่งจากการปักชำมากกว่าการเพาะเมล็ด การตอน เพราะกิ่งที่ได้จากการปักชำจะได้ต้นเร็วกว่า และไม่ทำให้เสียเวลาด้วย 

การขยายพันธุ์ 
พวงครามมีวิธีการขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด การตอน และการปักชำกิ่งซึ่งติดง่ายและทำได้เร็วกว่า การปักชำกิ่งในขี้เถ้าแกลบจะได้ผลดีกว่าการปักชำกิ่งในกะบะทราย หรือการปักชำกิ่งในดิน 

แสงแดด
ชอบแดดจัด ชอบอยู่กลางแจ้ง ที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดวัน 

น้ำและความชื้น
มีความการน้ำปานกลาง แต่จะไม่ชอบให้น้ำขังแฉะ 

ดิน
พวงครามจะเจริญงอกงามได้ดี ในสภาพดินที่มีความชุ่มชื้น 
และดินที่มีความร่วนซุยสามารถเก็บความชื้นได้ดี 

ปุ๋ย
ถ้าหากใช้ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยไนโตรเจน ก็จะทำให้พวงครามเจริญเติบโต
 และงอกงามดีกว่าการใช้ปุ๋ยสูตรอื่น ๆ 

อยากทำซุ้มแบบนี้ปลูกต้นพวงคราม

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ลำโพงกาสลัก ... แจกเมล็ด

เจอดอกลำโพงครั้งแรก ตอนที่ไปปีนเขาโบรโม่
ประทับใจนางสวยนางดอกเยอะ



 มีอยู่วันนึงไปเดินสะพานหินมีงานเทศกาล
เจอร้านขายต้นลำโพง  ย้ำว่ามีแต่ต้นนะ ไม่มีดอกให้ดู
ซื้อด้วยความไว้ใจล้วนๆ...นึกในใจ ต้องสอยไปปลูกให้ได้

แม้จะเอะใจนิดหน่อยที่เจ้าของร้านบอกว่า ดอกลำโพงสีม่วง
เออะ  ไม่เคยเห็นสีม่วงเลยนี่นา เอาเถอะเราอาจจะไม่เคยเห็นทุกสายพันธุ์
ว่าแล้วจะสายตรงหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ จัดมาคนละต้น

อิอิ
นี่คือ ดอกไม้ที่เราได้หลังจากเลี้ยงมาไม่นาน

อึ้งค่ะ
หนูถูกคนขายหลอก
เราซื้อมาต้นละ 180 บาทถ้วน
ตอนแรกก็เริ่มงงๆแระว่าทำไมดอกไม่ห้อยลง รึว่ามันจะค่อยๆย้อย
ตอนนั้นก็คิดไปได้นะ จนแล้วจนรอดก็ชูคออยู่แบบนั้น
หลังจากที่เราถามอากู๋ จึงได้ความรู้ว่า
เธอคือ "กาสลัก"

แต่ด้วยความที่เธอขยันออกดอก ดอกเป็นแตรสองชั้น
ก็ไม่เสียใจที่มีเธอมาร่วมครอบครัวต้นไม้กัน


หลังจากที่ดอกร่วง  ฐานดอกจะกลายเป็นเมล็ด 
บางคนก็ว่าเหมือนทุเรียนแคระ บางคนก็ว่าเหมือนมะเขือมีหนาม
แต่ไปก้อนนี่แหละ เมื่อมันสุกมันจะแตกออก

แล้วก็กลายเป็นโกโก้ครั้น....ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
เพราะพอเธอแตกออก ทุกที่ที่เมล็ดตกไปจะกลายเป็นต้นกาสลักหนึ่งต้น
คราวนี้ล่ะเต็มบ้าน

จึงเป็นที่มาว่าพอเก็บได้แล้วไม่รู้จะเอาเม็ดไปไว้ที่ไหน
เอาเป็นว่าใครอยากได้เมล็ดพันธุ์วานบอก

ให้ส่งซองเปล่าติดแสตมป์จ่าหน้ามาเลยค่ะที่
แจกฟรีค่า
190 ม.9 ต.โตนดด้วน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 93110

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2557

ดอกไม้นี้มีชื่อปะกิดว่าอย่างไร

วันนี้ฝากคุณเพื่อนซื้อ Karmakamet เลยต้องมานั่งดูชื่อดอกไม้เป็นภาษาอังกฤษ
ว่าแล้วก็แบ่งปันกันอ่านดีกว่าค่ะ

ว่างๆไปเลือกซื้อถุงหอมกันได้ ชอบมากๆ
เอามาใส่รถกับตู้เสื้อผ้าหอมทนติดเสื้อเลย ^^

------
รูปด้านล่างนี้ ถ่ายเองในล็อตแรกจร้า

ดอกเข็ม-- Ixora//Rubiaceae 


กล้วยไม้ -- Orchid

ชบา -- Chinese rose /Hibiscus / shoe flower



ดาวกระจาย -- Maxican daisy


Cyclamen--ไซคลาเมน 



Flamingo Flower -- หน้าวัว

Gardenia -- พุดซ้อน

Thunbergia-- ธันเบอร์เกีย



Bauhinia -- ชงโค


Daklia -- รักเร่



Ericaceae -- กุหลาบพันปี


ดอกปลาทอง


Hydenyia -- ไฮเดรนเยีย



เทียนหยด --Sky flower; Golden dew drop; Pigeon berry; Duranta
 ดอกอะไรไม่ทราบได้

  Apocynaceae ---พญาสัตบรรณ ตีนเป็ด
ถือเป็นไม้มงคลของจังหวัดสมุทรสาคร

 ดอกอะไรนะ
 ดอกกล็อกซิเนีย

 ฟ้าประธานพร ต้อยติ่งเทศ --ruellias, wild petunias


 บานบุรี
--------
รูปนับจากนี้ save มาจาก Internet จร้า
บางอันอาจจะไม่มีที่มาเพราะเซฟมานานแล้วต้องขอโทษเจ้าของภาพด้วย

ค่อยทยอยหารูปปลากรอบนะจร้า

ราตรี -- Night jasmine //Night Blooming Jasmine 

แก้ว Orange Jasmine

บัว -- Lotus

ดาวเรือง -- Marigod


Four o'clock --บานเย็น

Flamingo Plant ---หน้าวัว

Indian cork --- กาสะลอง


เวโรนีก้า -- Veronica

Viscaria -- เวสคาเรีย

โมก -- wild Water Plum

Wisteria -- วิทเทเรีย

บานบุรี -- Allamanda

Bullrt wood -- พิกุล


ชัยพฤกษ์ -- Rainbow shower

กุหลาบ --Rose

Desert rose -- ลั่นทม

Eagle wood -- กฤษณา


พริมโรส -- Primrose
ประดู่ -- Padauk

ซ่อนกลิ่น ---Tuberose

สารภี -- Saraphi

แค -- Sesban



Asian pigeonwings //butterfly pea-- อัญชัน

Ylang-Ylang/ Perfume Tree//ilang-ilang  -- กระดังงา

Canna flower -- พุทธรักษา

Impala Lily -- ชวนชม

Purple Orchid Tree-- ชงโค

Sunflower -- ทานตะวัน

White Champaka -- จำปี

Organge Champaka --จำปา

Oleander หรือ Sweet Oleander -- ยี่โถ

White chesewood -- ลำดวน

Lignum Vitae-- แก้วเจ้าจอม

Croton--โกสน

Zinnia-- บานชื่น

Peacock Flower-- หางนกยูง


Indian Cork -- กาสะลอง 

Cockcomb -- หงอนไก่


Cork Tree-- ปีบ

Bush Clock Vine-- ช้องนาง

Torch Ginger -- ดาหลา

Paper flower //Bougaville--เฟื้องฟ้า

Plumeria -- ลีลาวดี

Crown Flower --รัก

Pink Cassia/Pink Shower--กัลปพฤกษ์

Globe amaranth --บานไม่รู้โรย

Jasmine --มะลิ

Siam tulip -- กระเจียว

แววมยุรา --- Scrophulariaceae

ดาหลา --- Torch Ginger

Tulip -- ทิวลิป

ไวโอเล็ต -- Violet

Verbena -- เวอร์บีน่า

Chrysanthemum --- เบญจมาศ

Globe Amaranth ---ดอกบานไม่รู้โรย 

Kalanchoe ---ดอกกุหลาบหิน 


อ้างอิง //

ดอกไม้