Hydrangea
– ไฮเดรนเยีย
“ Thank you เป็นความหมายของดอกไม้ชนิดนี้
“
ไฮเดรนเยีย(
hydrangeas)นั้น เป็นไม้พุ่ม(shrub)
มีทั้งสีขาว ชมพู แดง ฟ้า น้ำเงิน
หรือม่วง
--เหมาะที่จะปลุกในที่แสงแดดรำไร
และจะเหี่ยวได้ง่ายจากการขาดน้ำ
ชอบอากาศเย็น
และขึ้นได้ดีในที่มีแสงรำไร (ชอบแดดตอนเช้า แต่ไม่ชอบแดดตอนบ่าย)
##ถ้าแดดจัด จะทำให้ใบไหม้ ## และถ้าร่มเกินไปก็จะไม่มีดอก
แต่มีไฮเดรนเยียพันธุ์ paniculataที่ปลูกกลางแจ้ง แดดจัดได้ ถ้าดินมีความชื้นพอเพียง
##ถ้าแดดจัด จะทำให้ใบไหม้ ## และถ้าร่มเกินไปก็จะไม่มีดอก
แต่มีไฮเดรนเยียพันธุ์ paniculataที่ปลูกกลางแจ้ง แดดจัดได้ ถ้าดินมีความชื้นพอเพียง
แต่ไม่ชอบชื้นนะ เพราะจะเป็นเชื้อราได้ง่าย
ส่วนการจะเอาลงดินหรือกระถางแล้วแต่ความชอบ
เนื่องจากต้องหมั่นเปลี่ยนกระถางและดินให้เค้าอย่างสม่ำเสมอ ไม่งั้นอาการใบเหลืองจะมาก่อนเลย
แต่ลงดินก็ดูแลเรื่องค่าความเป็นกรดเบสยาก
ซึ่งเป็นตัวกำหนดสีดอกของเค้า
การจะเปลี่ยนสีดอกนั้น
เดรนเยียส่วนใหญ่จะมีสีขาวเป็นหลัก
แต่บางชนิด เช่น H.
macrophylla อาจเป็นสีน้ำเงิน แดง ชมพูหรือม่วง
ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความเป็นกรดหรือด่างของเครื่องปลูก
หากเครื่องปลูกมีสภาพเป็นกรด pH 5.0-5.5 สีดอก
จะออกเป็นสีน้ำเงิน ถ้าสภาพเป็นด่างจะให้ดอกสีม่วงหรือชมพู
ถ้าปลูกในเครื่องปลูกที่สภาพเป็นกลาง ดอกไฮเดรนเยียจะมีสีครีมซีด
ทั้งนี้เพราะไฮเดรนเยียเป็นหนึ่งในบรรดาพืชไม่กี่ชนิดที่สะสมธาตุอะลูมินัม
ธาตุนี้จะถูกปลดปล่อยออกมาจากเครื่องปลูกซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด
ธาตุนี้จะทำปฏิกิริยากับสารละลายในกลีบดอกทำให้เกิดสีน้ำเงินขึ้นได้
ปกติไฮเดรนเยียต้องการดินที่เป็นกรดอ่อน pH 6.0-6.5 จะเติบโตได้ดี
วิธีทำให้ดอกเป็นสีชมพู
วิธีทำให้ดอกเป็นสีชมพู
1.ใส่ปุ๋ยผสมที่มีสัดส่วนฟอสฟอรัสมาก(ปุ๋ยตัวกลางของ N-P-K) ฟอสฟอรัสจะทำปฏิกิริยากับอลูมิเนียมในดิน เมื่ออลูมิเนียมอยู่ในรูปที่ไม่ละลายน้ำพืชจึงไม่สามารถสร้างสีฟ้าได้ทำให้ดอกเป็นสีชมพู
2. ใส่ปูนโดโลไมท์ (Dolomite Lime สำหรับปรับพีเอชของดินโดยเฉพาะ) ปีละสองสามครั้ง จะทำให้ค่าพีเอชสูงประมาณ 6.0-6.2
วิธีทำให้ดอกเป็นสีฟ้า
1. ใช้อลูมิเนียมซัลเฟต (สารส้ม) ละลายน้ำอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำ
2. เอาตะปูเป็นสนิมฝังใต้โคน หรือผงตะไบเหล็กโรยที่โคนต้น
การปลูกและบำรุงรักษา
-ควรปลูกในดินร่วนซุย และมีความชื้นพอเหมาะ ไม่แห้งหรือแฉะเกินไป
และดินต้องระบายน้ำได้ดี
ถ้าดินแห้งเกินไปจะทำให้เป็น sunburn ถ้าดินแฉะเกินไปจะทำให้รากเน่า
-ใส่พวกปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกผสมกับดินร่วนที่ปลูก (ต้องรดน้ำทุกครั้งหลังจากใส่ปุ๋ย ไม่ว่าปุ๋ยอะไรก็ตาม)
-ใส่ปุ๋ยเคมีละลายช้า สูตรเสมอ ปีละครั้ง สองครั้ง และควรใส่ตอนหน้าร้อน ถ้าต้นเล็กก็ใส่ประมาณ1/4 cup แต่ถ้าเป็นพุ่มใหญ่ก็ใส่ประมาณ1-2cup
-ควรปลูกในดินร่วนซุย และมีความชื้นพอเหมาะ ไม่แห้งหรือแฉะเกินไป
และดินต้องระบายน้ำได้ดี
ถ้าดินแห้งเกินไปจะทำให้เป็น sunburn ถ้าดินแฉะเกินไปจะทำให้รากเน่า
-ใส่พวกปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกผสมกับดินร่วนที่ปลูก (ต้องรดน้ำทุกครั้งหลังจากใส่ปุ๋ย ไม่ว่าปุ๋ยอะไรก็ตาม)
-ใส่ปุ๋ยเคมีละลายช้า สูตรเสมอ ปีละครั้ง สองครั้ง และควรใส่ตอนหน้าร้อน ถ้าต้นเล็กก็ใส่ประมาณ1/4 cup แต่ถ้าเป็นพุ่มใหญ่ก็ใส่ประมาณ1-2cup
:ห้ามใส่ปุ๋ยเคมี ถ้าต้นนั้นอ่อนแอ เป็นโรค หรือเหี่ยวเฉา เด็ดขาด
-การรดน้ำก็ควรรดน้ำให้ชุ่มลงลึกสู่ชั้นล่างๆของดิน (แต่ละครั้งที่รดน้ำ ไม่ต้องรดมาก รอให้น้ำซึมลงใต้ดินให้หมดก่อน แล้วค่อยรดซ้ำ) และไม่ควรจะรดน้ำทุกวัน เมื่อดินเริ่มแห้งแล้วจึงค่อยรดน้ำ
-ควรตัดแต่งกิ่งที่ดอกร่วงโรยแล้ว และกิ่งแก่หรือแห้ง ทิ้งไปเหลือไว้แต่กิ่งที่ยังไม่มีดอกและสมบูรณ์ เพื่อจะได้ออกดอกในปีต่อไป
โรคและแมลง
-โรคที่มักเกิดกับไฮเดรนเยียได้แก่โรคพวกใบจุด(leaf spots) รากเน่า และราน้ำค้าง
-พวกเพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง แมงมุมแดง ฯลฯ
การขยายพันธุ์
สำหรับการขยายพันธุ์ใโดยวิธีการปักชำกิ่งช่วงที่เหมาะสมสำหรับการ
ขยายพันธุ์คือช่วงฤดูฝนเพราะสภาพอากาศชื้น
และเป็นช่วงที่ต้นพันธุ์แตกหน่อกิ่งก้านมาก ทำให้มีกิ่งพันธุ์จำนวนมาก
การเพาะชำอาจปักชำในกระบะชำที่มีทรายหยาบและแกลบดำเป็นวัสดุปักชำและใช้
ฮอร์โมนเร่งราก
ช่วยให้มีจำนวนและความยาวรากเพิ่มขึ้นจากนั้นจึงย้ายกิ่งลงถุงพลาสติกดำ
-ใช้กิ่งปักชำ (กิ่งที่มียอดติดอยู่)จะขึ้นง่ายมาก
-การโน้มกิ่งโดยโน้มกิ่งที่มียอดอ่อน และติดอยู่กับต้นลงมาที่ดิน เอาดินกลบกิ่งที่โน้มนั้น แล้วเอาหินทับไว้ ให้เหลือยอดโผล่ขึ้นเหนือดิน เมือรากออกแล้วก็ตัดกิ่งนั้นออกจากต้นแม่ แล้วนำไปปลูกได้
-ใช้กิ่งปักชำ (กิ่งที่มียอดติดอยู่)จะขึ้นง่ายมาก
-การโน้มกิ่งโดยโน้มกิ่งที่มียอดอ่อน และติดอยู่กับต้นลงมาที่ดิน เอาดินกลบกิ่งที่โน้มนั้น แล้วเอาหินทับไว้ ให้เหลือยอดโผล่ขึ้นเหนือดิน เมือรากออกแล้วก็ตัดกิ่งนั้นออกจากต้นแม่ แล้วนำไปปลูกได้
ส่วนที่เป็นพิษ:
ทุกส่วนของต้นโดยเฉพาะใบและยอดอ่อน
สารพิษ: Hydragenol, Hydrangenic acid
อาการพิษ: ถ้ารับประทานพืชนี้สดๆ โดยมิได้นำมาหุงต้มหรือดอง เพื่อให้เอนไซม์หมดฤทธิ์ ก็จะเกิดพิษขึ้น ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน หายใจขัด ชักกระตุก กล้ามเนื้อไม่มีแรง หายใจลำบาก อาจหมดสติ โคม่า
รายที่มีอาการรุนแรงมาก ลมหายใจจะมีกลิ่นไซยาไนด์
ถ้ารับประทานในปริมาณน้อยทำให้มึนงง แต่ถ้าในปริมาณมากพอ ทำให้หน้าเขียว เล็บเขียว (cyanosis) เพราะขาดออกซิเจน หายใจขัด และถึงแก่ความตายได้
การรักษา: ทำให้อาเจียนแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการล้างท้อง
สารพิษ: Hydragenol, Hydrangenic acid
อาการพิษ: ถ้ารับประทานพืชนี้สดๆ โดยมิได้นำมาหุงต้มหรือดอง เพื่อให้เอนไซม์หมดฤทธิ์ ก็จะเกิดพิษขึ้น ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน หายใจขัด ชักกระตุก กล้ามเนื้อไม่มีแรง หายใจลำบาก อาจหมดสติ โคม่า
รายที่มีอาการรุนแรงมาก ลมหายใจจะมีกลิ่นไซยาไนด์
ถ้ารับประทานในปริมาณน้อยทำให้มึนงง แต่ถ้าในปริมาณมากพอ ทำให้หน้าเขียว เล็บเขียว (cyanosis) เพราะขาดออกซิเจน หายใจขัด และถึงแก่ความตายได้
การรักษา: ทำให้อาเจียนแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการล้างท้อง
การทำไฮเดรนเยียให้เป็นดอกไม้แห้ง
วิธีแรกเป็นวิธีธรรมชาติที่ง่ายๆ เราจะปล่อยให้ดอกไฮเดรนเยียบานค้างอยู่บนต้นจนดอกแก่จัด (จะได้ดอกที่มีสภาพคลาสสิกหน่อย) จึงตัดมาปักแจกัน จะใส่น้ำหรือไม่ก็ได้ ทิ้งไว้ให้เขาแห้งไปเลย จะมีสภาพเหมือนดอกกระดาษ
วิธีนี้ถ้าก้านดอกไม่แข็งแรงพอ จะใช้วิธีผึ่งแบบห้อยหัวลงก็ได้
อีกวิธีหนึ่งคือใช้
silica gel แบบทรายละเอียด ซึ่งมีขายตามร้านขายเคมีทั่วไป (ราคากิโลละประมาณ 200
บาท) นำมาใช้ดูดความชื้นออกจากดอกไม้ ซึ่งผง silica gel นี้สามารถนำกลับมาใช้ได้เรื่อยๆ โดยการนำไปอบไล่ความชื้นในเตาไมโครเวฟ
1.การเลือกดอกไม้ใดๆที่จะนำมาทำดอกไม้แห้ง ต้องคำนึงถึงอายุของดอกนั้นด้วยว่า เขาถึงจุดอิ่มตัวหรือยัง คือรอจนดอกไม้ไม่เปลี่ยนสีอีกแล้ว ตัดดอกให้ติดก้านประมาณ1 นิ้ว
2.ใช้กล่องเหล็ก หรือขวดแก้วที่มีฝาปิดสนิท ใส่ silica gel ที่แห้งสนิทลงไปหนาสัก 1-2 นิ้ว
วางดอกไม้ลงไป อย่าให้แน่นนักถ้ามีหลายดอก
3.ค่อยๆตัก silica gel กลบดอกไม้ โดยโรยเข้าไปทุกซอกมุมของกลีบดอกจนทั่วถึงเมื่อดอกถูกฝังกลบจนมิด แล้วจึงปิดฝาภาชนะให้แน่น เก็บไว้ในที่แห้ง ประมาณ 4-5 วัน อย่าทิ้งไว้นานเกินไปจะทำให้กลีบดอกไม้กรอบและเปรา
1.การเลือกดอกไม้ใดๆที่จะนำมาทำดอกไม้แห้ง ต้องคำนึงถึงอายุของดอกนั้นด้วยว่า เขาถึงจุดอิ่มตัวหรือยัง คือรอจนดอกไม้ไม่เปลี่ยนสีอีกแล้ว ตัดดอกให้ติดก้านประมาณ
2.ใช้กล่องเหล็ก หรือขวดแก้วที่มีฝาปิดสนิท ใส่ silica gel ที่แห้งสนิทลงไปหนาสัก 1-
3.ค่อยๆตัก silica gel กลบดอกไม้ โดยโรยเข้าไปทุกซอกมุมของกลีบดอกจนทั่วถึงเมื่อดอกถูกฝังกลบจนมิด แล้วจึงปิดฝาภาชนะให้แน่น เก็บไว้ในที่แห้ง ประมาณ 4-5 วัน อย่าทิ้งไว้นานเกินไปจะทำให้กลีบดอกไม้กรอบและเปรา
เมื่อถึงเวลาก็ค่อยเทออกมาจากภาชนะ
บรรจงใช้พู่กันปัดผงทรายออกเบาๆ ถ้าต้องการให้ดอกแห้งคงทนก็ให้ spray ด้วยแล็กเกอร์
หรือจะเก็บดอกใส่ขวดแก้วซึ่งบรรจุเม็ด silica เพื่อกันความชื้นแล้วผนึกให้แน่น
ที่มา:
pantip
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น