is the korean movie that alway stay in my mind , every times I see this movie ,my tear always running.
It's touching my heart.
This movie is talking about Grandmom with her grandchild . After her daughter come to downtown for work , she have to stay alone . Someday her daughter has accidentally to be unemployed so the daugter send her grandchild to stay with her for a while . And the story come up from this ...
อยากลองฝึกภาษาดูอ่ะ
At the first time he comes...
ครั้งแรกที่มาอยู่ที่บ้านยาย เด็กชายยังทำใจกับความเป็นชนบทไม่ได้
เหมือนว่าลึกๆ ก็ต่อต้านยาย และโกรธแม่ที่พาเค้ามาทิ้งไว้ที่บ้านยาย
ยายผู้ซึ่งเป็นใบ้ พูดไม่ได้ ด้วยอายุที่เยอะแล้วขาแข้งก็ไม่มี ขางอมาก
ยายดีใจมากที่หลานชายมาอยู่ด้วย แม้หลานจะทำตัวก้าวร้าว
ก้ไม่เคยทำให้ยายโกรธเลย
เด็กชายอยากกินไก่ ยายก็สู้อุตส่าห์เดินออกไปจากหมู่บ้านไปหามาให้หลานกิน
แต่หลานก็ยังไม่ถูกใจเพราะไม่ใช่ไก้เคนตั๊กกี้แบบที่ตัวเองหวัง
--แต่สุดท้ายเพราะความหิวก็ต้องยอมกินอยู่ดี
เพราะท้องมันร้องจ๊อกๆ
ฝ่ายเด็กชายพอจะเข้าห้องน้ำเลยหันมาเรียกยาย
ปรากฏว่ายายตัวร้อนจี๋ อาจจะเป็นเพราะตอนที่ออกไปหาไก่นั้น
ยายต้องเดินตากฝนไป
เด็กชายก็พยายามจัดไก่ที่ตัวเองกินไปแล้วบางส่วนวางให้ยาย
เช็ดตัวให้ยาย
อาชีพของยายนั้นคือจะหาของป่าเก็บผักหญ้าแล้วเอาขึ้นรถเมล์ไปขายที่ตลาด
บางครั้งก้จะแวะไปเยี่ยมเพื่อน หรือนวดให้เพื่อนเพื่อนแลกกับรายได้เล็กๆน้อยๆ
วันนี้เด็กชาย อยากได้รองเท้าคู่ใหม่ ยายก็ซื้้อให้ทำให้เหลือเงินเพียงแค่เศษเหรียญ
หลานก็ยังหิวอยากกินบะหมี่
ยายนั้นมีเงินพอที่จะซื้อเพียงจานเดียว
ส่วนตนก็กินเพียงน้ำเปล่า
บางครั้งก้จะแวะไปเยี่ยมเพื่อน หรือนวดให้เพื่อนเพื่อนแลกกับรายได้เล็กๆน้อยๆ
ครั้งนี้เด็กชายบอกว่าอยากกินช็อกโก้พาย ยายจึงเอาผักของตนเองมาแลก
เพื่อเอาไปให้หลาน
เมื่อส่งเด็กชายขึ้นรถ ยายก็พยายามที่จะฝากห่อของไปด้วย
แต่ถูกปฏิเสธผลักออกไปทุกครั้ง ส่วนตัวยายนั้นไม่ได้ขึ้นรถเมล์คันเดียวกัน
เด็กชายไม่ได้เอ๊ะใจอะไร
จนเมื่อรถเมลืมาถึง เด็กชายรออยู่นานก็ไม่เห็นยายมาสักที คันแล้วคันเล่า
ก็ไม่มีมียายของเขา
นานทีเดียว ในม่านฝุ่นนั้นจึงเริ่มเห็นหญิงชรา ถือไม้เท้าเดินออกมา
เด็กชายดีใจลืมตัววิ่งไปหายาย และช่วยถือของยาย
พร้อมกับแอบใส่ช็อกโก้พายให้ยายกินอันนึง
ที่เป็นแบบนี้เพราะยายไม่มีเงินค่ารถกลับ ทำให้ยายต้องเดินกลับ
หลานเริ่มรู้สึกผิดที่ทำไม่ได้ดีกับยายแล้ว
เด็กชายไปแอบชอบเด้กสาวอยู่คนหนึ่ง
เลยบอกให้ยายตัดผมให้ โดยบอกว่าตัดออกนิดเดียว
แล้วเผลอหลับไปตอนที่ตัดผม
ส่วนฝ่ายยายนั้นคิดว่าหลานบอกว่า ตัดให้สั้นเหลือผมนิดเดียว
การสื่อสารที่ผิดพลาดจึงทำให้หลานโกรธยายอีก
หลายจึงแอบเอาผ้าที่ยายให้ห่อของมาคลุมหัวเพราะอายทรงผมของตน
แม่ของเด็กชายส่งจดหมายมาว่าจะมารับเด็กชายเร็วqนี้
เด็กชายเริ่มเป็นห่วงยายเพราะยายแก่แล้ว
จึงอยากช่วยยาย เช่น สนด้ายเข้าเข็มไว้หลายๆเล่ม
สอนยายเขียนหนังสือเพื่อให้ยายเขียนจดหมายมาหาตนเอง
แต่สอนเท่าไหร่ ยายก้เขียนไม่ได้สักที
คืนนั้นทั้งคืนเด็กชาย ช่วยเช็ดถูบ้าน
แล้วก้วาดการ์ดที่แสดงว่า ฉันคิดถึง ฉันไม่สบาย
ให้ยายส่งหาตัวเมื่อมีเหตุการณ์
วันที่แม่มารับกลับเด็กชายไม่ยอมพูดกับยายเลย
คงเป็นเพราะความเสียใจ ใจหาย
และรู้สึกผิดที่ทำตัวแย่ๆ กับยาย
พอเด็กชายวิ่งขึ้นรถได้รีบมาที่กระจกหลังรถและทำภาษามือว่า ขอโทษ
เด็กชายคนนี้ต่อมาเติบโตไปเป็นพระเอก
유승호 ยูซึงโฮ / Yoo Seung Ho
วันเกิด : 17 สิงหาคม 1993
ชื่อเล่น : โซจีซปตัวน้อย (Little So Ji Sub)
กรุ๊ปเลือด : A
อาชีพ : นักแสดงและนายแบบ
ผลงาน
Operation Proposal (CSTV, 2012)
Warrior Baek Dong Soo (SBS, 2011)
Flames of Ambition (MBC, 2010)
Master of Study (KBS2, 2010)
You're Beautiful (SBS, 2009) cameo
Queen Seon Duk (MBC, 2009)
The King and I (SBS, 2007)
The Legend (MBC, 2007)
Alien Sam (2006)
Sad Love Song (MBC, 2005)
Precious Family (KBS2, 2004)
The Immortal Lee Soon-Shin (KBS1, 2004)
Sweet Buns (MBC, 2004)
Love Letter (MBC, 2003)
Daddy Fish (MBC, 2000)
หน้าตายังเหมือนตอนเด็กเลยเนอะ
ส่วนคุณยายนั้น เป็นยายที่อาสัยอยูละแวกนั้นจริง
วงในบอกว่าผู้กำกับต้องขอร้องกันนานทีเดียวกว่ายายจะยอมแสดง
ขอขอบคุณที่มา
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=plantation-at-ending-sun&month=08-2008&group=6&date=15&gblog=12 อ่านแล้วนึกตามก็น้ำตาคลอแล้ว
http://thevoid99.blogspot.com/2012/06/way-home-2002-film.html---with sound track
http://nangpann.blogspot.com/2010/10/way-home.html--เล่าละเอียดจนไม่ต้องดูก็ได้ อิอิ
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=32333 ชอบคำบรรยายของเค้าจัง
The way home ..
บอกเล่าเรื่องราวของซังวู
เด็กชายวัยเจ็ดขวบที่ถูกแม่พามาฝากไว้กับยาย
หญิงชราบ้าใบ้ที่อาศัยอยู่ในบ้านชนบทซอมซ่อในสายตาของเขา
บอกเล่าเรื่องราวของซังวู
เด็กชายวัยเจ็ดขวบที่ถูกแม่พามาฝากไว้กับยาย
หญิงชราบ้าใบ้ที่อาศัยอยู่ในบ้านชนบทซอมซ่อในสายตาของเขา
สายสัมพันธ์ระหว่างความเป็นยายหลานของคนทั้งคู่
ไม่ได้ช่วยให้ซังวูรู้สึกผูกพันกับยายในเมื่อแรกที่พบกัน
ซังวูใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของยาย แต่ทำราวกับไม่มีหญิงชราอยู่ในบ้าน
เขามีโลกส่วนตัว กินคนเดียว เล่นคนเดียว
เหมือนกับที่แม่เขาบอกกับยายไว้ ว่า
เขาชินแล้วที่จะอยู่คนเดียวตามลำพัง
ไม่ได้ช่วยให้ซังวูรู้สึกผูกพันกับยายในเมื่อแรกที่พบกัน
ซังวูใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของยาย แต่ทำราวกับไม่มีหญิงชราอยู่ในบ้าน
เขามีโลกส่วนตัว กินคนเดียว เล่นคนเดียว
เหมือนกับที่แม่เขาบอกกับยายไว้ ว่า
เขาชินแล้วที่จะอยู่คนเดียวตามลำพัง
เป็นประโยคที่ฟังแล้วเหงาจังเลยนะคะ ..
แต่ไม่ใช่แค่ซังวูคนเดียวหรอก
ที่จำเป็นต้องทำตัวให้คุ้นชินกับความโดดเดี่ยวที่ว่านั้น
คุณยายเองก็เช่นกัน..ใช่ไหม ?
ที่จำเป็นต้องทำตัวให้คุ้นชินกับความโดดเดี่ยวที่ว่านั้น
คุณยายเองก็เช่นกัน..ใช่ไหม ?
ก่อนการมาถึงของหลานที่ไม่เคยพบหน้า
หญิงชราต้องมีชีวิตอยู่คนเดียว เพราะลูกสาวหนีตามผู้ชายไป
ในบ้านบนเขาที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว กับโทรทัศน์ที่ดูไม่ได้
ไม่สามารถสื่อสารกับใครด้วยคำพูด
มีเพียงท่าทาง ที่หากจะเข้าใจได้ ..ก็ต้องใส่ใจ
หญิงชราต้องมีชีวิตอยู่คนเดียว เพราะลูกสาวหนีตามผู้ชายไป
ในบ้านบนเขาที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว กับโทรทัศน์ที่ดูไม่ได้
ไม่สามารถสื่อสารกับใครด้วยคำพูด
มีเพียงท่าทาง ที่หากจะเข้าใจได้ ..ก็ต้องใส่ใจ
ฉันจึงไม่อาจบอกได้ว่า
ความผูกพันระหว่างหญิงชราใบ้กับเด็กชายเริ่มจากตรงไหน
ความผูกพันระหว่างหญิงชราใบ้กับเด็กชายเริ่มจากตรงไหน
ทีละนิด ทีละนิด ในความเงียบงัน
ซังวูได้รับรู้ว่ายายรักเขาเพียงใด
หัวใจโดดเดี่ยวที่คงพยายามสร้างเปลือกแข็งกระด้าง
เพื่อป้องกันมันจากความเจ็บปวด
ค่อยๆเปิดรับความรักของยาย
รวมถึงความสัมพันธ์ใหม่ๆกับคนรอบข้าง
ซังวูได้รับรู้ว่ายายรักเขาเพียงใด
หัวใจโดดเดี่ยวที่คงพยายามสร้างเปลือกแข็งกระด้าง
เพื่อป้องกันมันจากความเจ็บปวด
ค่อยๆเปิดรับความรักของยาย
รวมถึงความสัมพันธ์ใหม่ๆกับคนรอบข้าง
แม้เด็กชายจะยังเกเรเอาแต่ใจ
แต่เขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะเป็นฝ่ายทำอะไรๆให้กับยายเช่นกัน
ในวันที่เขายืนร้องไห้โฮต่อหน้ายาย
ยอมให้มือเปื้อนๆที่เหี่ยวย่นเช็ดน้ำตาทั่วทั้งหน้าให้
กลับเป็นวันที่ทั้งคู่ต้องนับถอยหลังเวลาที่จะได้ใช้อยู่ด้วยกัน
ฉากที่ซังวูพยายามสอนยายที่เป็นใบ้ให้เขียนหนังสือ
เป็นฉากที่เรียกน้ำตาได้เสมอสำหรับฉัน
"นี่แปลว่าฉันไม่สบาย"
"นี่แปลว่าฉันคิดถึงเธอนะ"
ยายพูดไม่ได้ ใช้โทรศัพท์ก็ไม่ได้ ยายต้องส่งจดหมายหาผมนะ ..
ถ้ายายป่วย ยายส่งจดหมายเปล่าๆถึงผมก็ได้
ผมจะได้รู้ว่าเป็นยาย แล้วผมจะมาหาทันที ..
ความรักนั่นเองที่ทำให้คนเราอ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้
ฉันมองภาพซังวูเอาด้ายยาวๆสนเข็มทั้งหมดที่ยายมีทิ้งไว้ให้
ผ่านหยดน้ำตาที่รินไหล
งานที่เคยต้องทำให้ยายด้วยความเบื่อหน่ายและจำใจ
บัดนี้กลายเป็นเพียงไม่กี่อย่างที่เด็กชายจะทำให้ยายได้ ยามต้องจากกัน
การ์ดของเล่นที่เขาเคยหวงนักหวงหนา
ถูกเอามาวาดภาพที่จะทำให้ยายส่งข่าวถึงเขาได้
ฉันมองภาพซังวูเอาด้ายยาวๆสนเข็มทั้งหมดที่ยายมีทิ้งไว้ให้
ผ่านหยดน้ำตาที่รินไหล
งานที่เคยต้องทำให้ยายด้วยความเบื่อหน่ายและจำใจ
บัดนี้กลายเป็นเพียงไม่กี่อย่างที่เด็กชายจะทำให้ยายได้ ยามต้องจากกัน
การ์ดของเล่นที่เขาเคยหวงนักหวงหนา
ถูกเอามาวาดภาพที่จะทำให้ยายส่งข่าวถึงเขาได้
"ยายคิดถึงหลาน"
"ยายไม่สบาย"
"ยายไม่สบาย"
ในวันจากลา ซังวูยังคงเลือกที่จะใช้เกราะอันแข็งกระด้าง
ปกป้องหัวใจที่เจ็บปวดของตัวเองไว้
เขายืนนิ่ง ไม่มอง ไม่พูดกับยาย
แต่ในนาทีที่รถบัสเคลื่อนตัวออก..โอกาสสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้ายาย
ซังวูผวาวิ่งไปด้านหลังรถ ส่งภาษามือในท่าที่ยายใช้เสมอ
และบัดนี้เขารู้แล้วว่า มันแปลว่า "ฉันเสียใจ"
ปกป้องหัวใจที่เจ็บปวดของตัวเองไว้
เขายืนนิ่ง ไม่มอง ไม่พูดกับยาย
แต่ในนาทีที่รถบัสเคลื่อนตัวออก..โอกาสสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้ายาย
ซังวูผวาวิ่งไปด้านหลังรถ ส่งภาษามือในท่าที่ยายใช้เสมอ
และบัดนี้เขารู้แล้วว่า มันแปลว่า "ฉันเสียใจ"
แล้วยายกับหลานก็ต้องจากกันในลักษณะนั้น ...