วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รีวิว ภูเก็ต ep.2 กินอาหารทะเลกัน มีเวลาแค่ ครึ่ง วัน

หลังจากย้ายที่ทำงานมาภูเก็ตได้สามวัน
วันนี้เพิ่งมีเวลาว่างช่วงกลางวันเลยหาที่ไปไม่ไกลจากเมืองนัก

มาลงตัวที่เขารังจร้า

ทางขึ้นก็ไม่ลาดชันมากนัก ได้อารมณ์เดียวกะเขาคอหงส์ที่หาดใหญ่เลย
มองลงไปจะเป็นวิวเมืองสวยงามทีเดียว
แต่คิดว่าถ้ามากลางคืน 
แสงไฟน่าจะระยิบระยับสวยงามกว่านี้มาก


ข้างบนนี้ค่อนข้างร่มรื่นเลยล่ะ

มีร้านอาหารและร้านกาแฟสองสามที่เลย
ให้มานั่งกินบรรยากาศกัน

ตอนที่ไปเค้าเพิ่งตัดหญ้าใหม่ๆ
ได้กลิ่นหญ้าอ่อนๆ หอมดี




หลังจากนั้นเราก้ลงมาอีกทาง
ไปต่อเพื่อไปกินอาหารทะเลกัน
เป้าหมายปลายทางคือ "สะพานหิน ซีฟู๊ด"
ซึ่งขับไปตาม Google map
ไปทางที่วกวนมาก 
ยังงงว่าร้านดังขนาดนี้มาอยู่ทำไมไกลจัง
จนขากลับถึงได้ถึงบางอ้อ ว่าคนที่เค้ารู้ทางคงมาทางนี้ (อีกทางกับที่มา)
แป๊บเดียวถึงเฮ้อๆ

ไปถึงร้าน ร้านเปิด 10 โมง
เป็นลูกค้ารายแรกของร้านเลย

ร้านอยู่ติดทะเลเลยจร้า
วันนี้อากาศดี แดด แจ๋มมาก
สั่งอาหารแล้วก็ออกไปชมวิวซะหน่อยนึง
แชะกันไปคนละฝั่ง

ถ้ามาจากทางในเมืองก็แค่ขับเลยขนส่งมานิดนึงแล้วมองหา
ป้ายทางขวามือ คือ สะพานหิน lagoon ไว้
เลี้ยวเข้ามาในซอยนั้น ขับตรงมา จะเจอแยกเลี้ยวซ้าย
เพียงไม่ถึง 5 นาที คุณจะเจอร้าน
เลี้ยวเข้ามาในร้านได้เลย มีลานจอดเพียบ
ตอนที่ไปยังงงว่าจะจอดไหน เก้ๆ กังๆ อยู่นาน
---

อาหารจานแรก เป็นส้มตำทะเล
รสชาติแซ่บถูกใจมาก
หอยนางรม เผาซะหน่อย
เหลือตัวเล้กนิดเดียว
เคยกินสดแล้วท้องเสียทุกที
ปูนิ่มจร้า 150 จานใหญ่ทีเดียว
อาหารทั้งหมด ในราคา 570 บาทเท่านั้น

กินอิ่มแล้ว รีบกลับไปทำงานกัน
---

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รีวิว ภูเก็ต ep.1 ชาวภูเก็ตเค้าไปสนามบินกันยังไง ในราคาสบายกระเป๋า

เรื่องนี้มีที่มาว่า เราเพิ่งมาอยู่ภูเก็ตได้สามวันถ้วน
และแพลนว่าจะไปเที่ยว
กทม --คราวนี้ได้ตั๋วและเวลาแร้น
แต่ด้วยความที่เพิ่งมาอยู่ ไม่รู้จะไหว้วานใครไปส่ง เลย
ต้องลองขวนขวายดูเองก่อน

ทำงานป่าตอง พักแถวกระทู้
จะไปสนามบินไงดี
ได้ความดังนี้

แอร์พอร์ตบัส (Airport Bus) 
เปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปในเส้นทาง เมืองภูเก็ต-สนามบิน ทั้งขาไปและกลับ
โอ้ว  ว้าว  แล้วเวลาล่ะพี่ท่าน

ปล.แท็กซี่ที่ภูเก็ตไม่มีแบบมิเตอร์ค่ะ
ถ้าไปสนามบินก็ราคาประมาณ 600-1000
ซึ่งถ้าเทียบกับราคาตั๋วที่สอยมาแล้ว แทบจะร้องค่ะ

อันนี้จากเมืองไปสนามบิน

อันนี้สนามบินไปในเมือง


เที่ยวสนามบินอินดิโก้ เพิร์ลอ.ถลางอนุสาวรีย์
ท้าวเทพฯ
โบ๊ทลากูนอิรวดี
บายพาส
เซนทรัล-
บิ๊กซี
สนามกีฬา
สุระกุล
พันเทพฯบขส
106.3006.3506.5007.0007.1507.2007.3007.3507.4007.50
209.0009.0509.2009.3009.4509.5010.0010.0510.1010.20
310.3010.3510.5011.0011.1511.2011.3011.3511.4011.50
413.0013.0513.2013.3013.4513.5014.0014.0514.1014.20
514.3014.3514.5015.0015.1515.2015.3015.3515.4015.50
616.0016.0516.2016.3016.4516.5017.0017.0517.1017.20
718.3018.3518.5019.0019.1519.2019.3019.3519.4019.50
819.3019.3519.5020.0020.1520.2020.3020.3520.4020.50
สำหรับขากลับนั้นจะมีรถตู้วิ่งมาทางหาดป่าตองและหาดกะตะ 
ราคาประมาณ 180-200 บาทค่ะ
แต่แปลกหาคิวรถมาสนามบินไม่ได้ เคยโทรไปถามเค้าบอกว่ามีแต่ taxi
อย่างเราจะลงแถวกระทู้ก็สามรถลงบริเวณตลาดกระทู้ได้เลย 


ขอบคุณที่มาค่ะ
หน้าตาของเจ้าตัวรถ


ส่วนอันนี้เป็นราคา สบายกระเป๋ามั๊ยล่ะคะ
สำหรับนักเรียนนักศึกษาราคา่ลดลงอีกเกือบครึ่งนะคะ
ดีจัง ^^

ทางบริษัทมีบัตรเที่ยว 30 และ 15 เที่ยว ให้บริการ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : โทร. 076 - 232371 / 081 - 4152211

--------
ก่อนจองอย่าลืมคำนวณเวลาบวกลบเผื่อไว้ให้ดีนะคะ
พอเห็นตารางเดินรถก็เลยคิดว่าจะเปลี่ยนรอบบินดีก่า
ดีนะที่ยังมิได้จับจองใดใด

ของพี่เค้าก็ให้รายละเอียดไว้ดีเรย
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=phuket&month=02-09-2008&group=1&gblog=6

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้มัน

ห่างหายไปจาก Blog ชั่วคราว เพราะต้องเปลี่ยนงานกะทันหัน
ตอนนี้มาทำงานที่ ป่าตอง เป็นวันแรก
บรรยากากาศใหม่ๆ ที่อยู่ใหม่ ที่ทำงานใหม่

ก็แอบกังวลอยู่หน่อยๆ น้า

ยังไงก็ขอให้ เรามีกำลังสู้ต่อไป Fighting!!!

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ว่าด้วย. ฝนตก

ฝนตก...

ทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง
ไม่พอ..
ยังทำให้ความสามารถในการอาบน้ำลดลงด้วย ;(

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทำไมต้องเปิดม่าน

1. ช่วงที่เครื่องบินกำลังขึ้น หรือ ลง จะเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดสำหรับการบินครับ
2. เพื่อให้ผู้โดยสารสังเกตช่วยกันว่า มีสิ่งผิดปกติภายนอกตัวเครื่องบินหรือไม่ เช่น เครื่องยนต์ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก(น้ำร้อนลวก ไม่เกี่ยวกันนะ.. อิอิ) ปีกเครื่องบินมีความผิดปกติ เป็นต้น เพื่อที่จะแจ้งให้กัปตันทราบได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากเครื่องบินไม่มีกระจกมองหลังครับ ทำให้กัปตันไม่สามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง (เราต้องช่วยกันดูนะครับ)
3. เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเห็นสภาพภายนอกเครื่องบินโดยรอบ ว่ามีสภาพเป็นอย่างไร เช่น เครื่องบินต้องลงจอดฉุกเฉินบนผิวน้ำ ผู้โดยสารจะได้ประเมิณจากสิ่งที่ตนเองเห็น และเตรียมตัวให้พร้อมกับภาวะฉุกเฉินนั้นๆครับ
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/339275


เรื่องล่าสุด (จากข้อมูลที่ผมมี) ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรณีที่ "เปิดบานบังแสงที่หน้าต่าง" คือ เที่ยวบิน AC 033 สายการบิน แอร์แคนนาดา เดินทางจากเมืองแวนคูเวอ ประเทศแคนนาดา จุดหมายปลายทางที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ขณะใกล้ถึงจุดหมายปลายทางเมืองซิดนีย์ นักบินได้รับแจ้งข่าวว่ามีเรือยอร์ชของออสเตรเลียหายไปในทะเลแถบนั้น นักบินได้ตัดสินใจลดระดับลงและแจ้งให้ผู้โดยสารบนเครื่องทราบ ผู้โดยสารบนเครื่องได้ช่วยกันมองไปนอกหน้าต่างและในที่สุดก็พบเรือลำดังกล่าว ผมจะได้ส่งลิ้่งค์ข่าวนี้ให้ท่านในลำดับต่อไปนะครับ

http://skeptics.stackexchange.com/questions/8849/why-do-we-open-the-window-shades-during-landing-and-take-offิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิ
ิิิิิิิิิิิ
ิิิิิิิประเด็นหลักไม่ได้ให้ผู้โดยสารช่วยมองหรอกครับ เพราะมองไปก็ไม่สามารถติดต่อกับนักบินได้ แต่ที่ทำไปก็เพื่อสวัสดิภาพของผู้โดยสารครับ ในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุ ทีมกู้ภัยจะได้มองเห็นเรา เราก็จะได้เห็นภายนอก ขอความช่วยเหลือได้ และที่ต้องปิดไฟตอนเครื่องขึ้นลงก็เพื่อให้เรามองเห็นภายนอกเวลาเกิดอุบัติเหตุ เพราะถ้าแสงข้างในมากกว่าข้างนอก เราจะมองไม่เห็นข้างนอก ที่ทำไปก็เพื่อสวัสดิภาพของผู้โดยสารเองิิิิิิิิิิิิิิิิิ

อีกอย่างหนึ่งผู้โดยสารก็ต้องให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพผู้โดยสารท่านอื่นด้วย โด
ยการปรับพนักเก้าอีให้ตรงระหว่างเครื่องขึ้นลง เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้โดยสารที่นั่งหลังคุณจะได้ลุกออกได้สะดวก คุณเองก็อย่าลืมเก็บที่วางของหน้าที่นั่งเพื่อตัวเองจะได้ลุกออกได้สะดวก สรุปเพื่อความปลอดภัยระหว่างเครื่องขึ้นลงทั้งของคุณเองและผู้อื่นกรุณาปรับพนักเก้าอี้ให้ตรง เก็บที่วางของหน้าที่นั่ง เปิดม่านหน้าต่าง และนักบินจะหรี่ไฟภายในห้องโดยสารครับ

 สงสัยเหมือนกันเลย เพราะเป็นกฎการบิน กรณีที่มีเหตุระหว่างการขึ้นลงและต้องมีการช่วยชีวิต หน่วยกู้ภัยจะได้มองเห็นจากด้านนอกว่าผู้โดยสารนั่งอยู่ตำเเหน่งไหนบ้าง ซึ่งนอกเหนือจากม่านแล้วต้องปรับพนักพิงด้วยคะ ให้ตรงกับระดับการมองเห็นจากภายนอกตำเเหน่งของม่าน

ส่วนหนึ่งจากเฟส ของคุณ ปูจิตกร


วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เวบแปลเพลงสากล ที่ดีใช้ได้

http://www.educatepark.com/english-songs/payphone-maroon-5-ft-wiz-khalifa.php?id=1458

My new sylphy

รอฤกษ์อย่างเดียวเลย
อย่างนั้นมิรอช้ามาศึกษาข้อมูลเบื้องต้น
กันก่อนดีกว่า
http://www.thaisylphyclub.com/index.php?topic=989.0

เรื่องการแร่งแซง ตามที่ในคลิปเขาอธิบาย มันเป็นความฉลาดของเกียร์ที่จำพฤติกรรมการขับขี่ของเรา  ถ้าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากปกติ เลยต้องย้ำ 2 ครั้ง เพื่อยืนยันความต้องการ
แต่ทีจริง ใช้ปุ่ม Over drive ก็ได้เหมือนกันครับ  สะดวกดีด้วย

ขอเทคนิคการขับผ่านลูกระนาดกั้นถนนในหมู่บ้านด้วยครับ  มีข้อสังเกตดังนี้
1.ถ้าชะลอรถให้ช้าจนรอบตกลงมามากๆ แล้วค่อยข้ามลูกระนาด พอจะเร่งความเร็วหลังจากข้ามลูกระนาด จะอืดมาก และเหมือนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะมาก
2. ลองขับมาประมาณ 40 km/l เหยียบเบรค (รอบยังไม่ตกมาก) แล้วข้ามลูกระนาด การเร่งความเร็วเพื่อขับต่อทำได้ง่ายขึ้น ไม่อืด และดูเหมือนอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันจะน้อยกว่า ข้อ 1

ขอคำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับ case การข้ามลูกระนาดกั้นถนนในหมู่บ้านด้วยครับ

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

พิมพ์ emotion ในเฟสบุ๊คกัน

http://9aud.com/emoticons-facebook.html
เคยเห็นเพื่อนพิมพ์
วันนี้เปิดมาเจอพอดี


      >:O              (^^^)               <(“)                O.o
     :*                   ;)                   :p                  8-|
    ^_^                 :putnam:        <3               :v
    8)                    :/                   >:-(               3:)
    :’(                  :3                   O:)               :42:

google กับ little nemo

http://9aud.com/winsor-mccay.html?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=winsor-mccay

วันนี้เปิด google มาเจอ
Little nemo -- animation ยุคแรกๆ

ผู้เขียนเรื่องนี้คือ

Winsor McCay (วินเซอร์ แม็กเคย์)

 นักเขียนการ์ตูนชื่อดังผู้ให้กำเนิดการ์ตูนชื่อดังอย่าง Little Nemo in Slumberland
 ซึ่งวันนี้ (15 ตุลาคม 2012) ก็เป็นวันครบรอบ 107 ปีของการ์ตูนเรื่องนี้นี่เอง

 ผลงานชิ้นสำคัญของเขาที่รู้จักกันดีคือ Little Nemo in Slumberland ในปี คศ. 1905

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

LOVE AT FIRST FLIGHT : ตกเครื่องจนตกหลุมรัก Full Version HD


 



เคยดูเรื่องนี้เมื่อสักพักมาแระ
ชอบอ่ะ
ดูน่ารักดี

เรื่องมันมีอยู่ว่าพระเอก คนนี้อ่ะ ชื่อนายตั้ม โดนบอกเลิกก็เลยจะไปเที่ยวอเมริกา 
ประชดรักว่างั้น
แต่ก็ดันมาตกเครื่อง

แต่ก็ยังมีโชคดีในโชคร้ายแหละ
นางเอกก็มี profile เช่นเดียวกัน ถึงได้ตกเครื่อง
และมารู้จักกัน

ชอบตรงที่นางเอกบอกว่ามาถ่ายรูปกัน
พระเอกขอตั้งชื่อรูปว่าอกหักเมื่อวาน นางเอกก็ว่าเด๋วคนก็คิดว่า
อกหักมาจากเธอหรอก 
พระเอก--ตอบว่า--ยัง ยังไม่จีบเลย
อึ๊ย  เขิน 

แฟนพระเอก ร้องเพลงบอกเลิก ส่ง Email มาให้ ..เอิ่มมันจะเจ็บไปมั๊ย
วันนี้มาดูอีกที มี Ver.full แล้วลองดูกัน

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รีวิว เชียงใหม่ ตอน 2 งานพืชสวนโลก 2012 -- เที่ยวเชียงใหม่ ไปไหนดีนะ

---ไม่เคยไปงานพืชสวนโลกเลย  ครั้งนี้ครั้งแรกค่า---
ความฝันว่าเดินชมดอกไม้ ต้นไม้ ละลานตา ท้าลมหนาว

TRip นี้จัดขึ้นเมื่อว่างตรงกับน้องสาว -- 3-6 กพ 2555

ออกเดินทางจากกรุงเทพ ราว แปดโมงกว่าๆ ด้วยเจ้าหางแดง
ไปถึงสนามบินเชียงใหม่ประมาณเที่ยงนิดๆ
จากนั้นจึงต่อ Taxi ไปยังโรงแรม
ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ที่ตั้งของโรงแรม เลยไปเท็กซี่สะดวกกว่า
จริงๆ รถแดงสามารถพาคุณไปทุกที่
รถแดงนั่นก้คือรถตุ๊กดีดีนี่เอง เค้าไม่มีเส้นทางจำเพาะค่ะ
อยู่ที่ว่าตกลงราคาและสถานที่ 


สถานที่พักในครั้งนี้คือ ...


เป็นโรงแรมเล็กที่ตกแต่งได้น่ารัก  มีหลายมุมให้นั่งพัก
และมีจักรยานให้เช่าปั่นเล่นได้
นอกจากนั้นบรรยากาศโดยรวมเหมือนนั่งเล่นที่บ้านมากกว่า
สบายเหมือนอยู่บ้านเลยทีเดียว  มีมุมให้ถ่ายรูปกันหลายมุมเลย
ราคาที่จองมาก็ สามพันนิดๆค่ะ/คืน

อะเค เก็บของกันเรียบร้อย ก็ออกเดินทางประมาณ 100 เมตร 
ก็มาถึงถนนใหญ่ เพื่อเดินทางด้วยรถแดงจร้า
เป้าหมาย วันนี้เราจะไปท้าชิมร้าน"เฮือนเพ็ญ"
ร้านฮิตติดดาวของที่นี่แน่นอน
อร่อยสมคำร่ำลือทีเดียว
สมค่าที่หิ้วท้องรอมื้อเที่ยง อิอิ
จากนั้นเราก็ทำการเดิน วนซ้ายวนขวามานิดหน่อยก็จะถึงสวนโบกหาด 
อันเป็นงานแสดงงานเกษตรในตอนนี้
วันนี้โชคดีมากมาเจอขบวนแห่บุบผชาติพอดี
ในงานก็จะมาซุ้มของอำเภอต่างมาโชว์ของดีกันมากมายจร้า

แต่ละอำเภอก็มีของดีแตกต่างกันไปจร้า
เตรียมท้อง เตรียมเงิน เตรียมแรงกันมาเยอะนะ
งานยาวมาก เราเดินไม่ไหวอ่ะ เพราะดันมาตอนบ่ายร้อนตับแล่บ
ไอ้เราเด็กใต้ก็มาสะดุดเอาที่ร่มสีสันสดใส สไตล์ชาวเหนือ
ไม่ได้ต้องจัดมาหนึ่งคัน สอบถามว่าสามารถกันฝนได้ด้วยนะ
เพราะมีการลงยาเรียบร้อยแล้ว
ภายในงานมีดอกไม้นานาชนิดมาจำหน่ายกันในราคาที่เรียกว่าถูกว่าทางใต้เกือบครึ่ง
จนหน้ามืดเกือบหิ้วขึ้นเครื่องแระ ดีนะที่น้องเตือนไว้ เอิ่ม!!
ต้องพยายาม ยุบหนอ พองหนอ ตลอดทาง เพราะคงเอาขึ้นเครื่องด้วยไม่ไหวแน่ๆๆ
อันนี้เป็นดอกยิปโซ กะดอกไม้ขีด รุปร่างหน้าตาเหมือนไม้ขีดสมัยเด็กๆมาก
เดินมาหน่อยมาเจอซุ้มของร้านนิตติ้ง จัดได้น่าร้ากมาก
มีการถักเป็นต้นไม้เป็นเสื้อเป็นม้า ไอเด๊ยเก๋มาก




จากนั้นเนื่องจากเรามาเดินช่วง เลยเที่ยงมาหน่อย ๆ
ร้อนตัวแทบไหม้ เราจึงหลบร้อนมาจิบอารายเย็นๆที่
ร้าน มองบลัง นิมมาน 5
จากที่เปลี้ยๆ เมื่อได้กลูโคส เข้าร่างกาย
แรงก็กลับมาอีกครั้ง


จับรถแดงได้จึงแจ้งไปว่า "ลุงคะไปวัด โลดเจ้า"
คุณลุงผู้ซึ่งหวังดีกะเราสองพี่น้องเหลือเกิน พาวนไปทั่วเมือง 
จากงงๆ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน หลังทริปนี้เรากระจ่างเลย
หลังจากลุงรับส่งผู้โดยสารมาหลายคน จนเหลือเราสองคน
แล้วลุงก็เริ่มชะลอจอด 
แล้วหันมาช้าๆ ถามเราว่า 
"พวกหนูลงไหนจ้ะ"---  >< น้ำตาไหลพราก



โอเคไปวัดไม่เหนื่อยเท่านั่งรถแดงชมเมืองประมาณร่วมชั่วโมง 
กลับมาเปลี่ยนชุดเตรียมตัวไปช้อบกันจร้า
ในตลาดจะเป็นตลาดคนเดินวันเสาร์
มีทั้งอาหาร สินค้าทำมือน่ารัก เสื้อผ้ากลิ่นอายเหนือๆ
ให้เสพกันไม่หวาดไม่ไหว



เดินจนสุดทางเราจะเจอวัดศรีสุพรรณ
เป็นวัดที่สวยๆมาก ยิ่งกลางคืนถ่ายมาแล้วสวยมาก
ในวัดจะมีให้สรงน้ำ พระพุทธรูป มีโบสถ์ที่สวยงาม




 หมดแรงแล้ว กลับมาหอเพื่อเก็บแรงสำหรับวันพรุ่งนี้กัน
กับวิวหน้าห้องยามค่ำคืน
 มื้อเช้าเราทานที่โรงแรมค่ะ เติมพลังก่อนที่จะออกไปดอยกัน
ช่วงนี้ตอนเช้าๆ อาการจะหนาวๆ กำลังดี ไม่ถึงขั้นต้องใส่โค้ท
ชอบชอบๆ อ่่ะ แต่พอเที่ยงจะเริ่มร้อนแระ ><
 อาหารมื้อเช้าก็จะหน้าตาแบบนี้
ส่วนที่นั่งก็มีหลายโซนให้เลือกตามชอบใจ
ห้องอาหารเนื่องจากมีห้องไม่เยอะ ก้จะเป็นโซนเล็กๆน่ารัก
แปลกตาไปอีกแบบค่ะ
 เอาล่ะไปเวลาไปดอยกัน
เราก็จะนั่งรถแดงไปรอขึ้นคิวรถสองแถวไปดอยกัน

แต่ถ้าอยากได้ราคาสบายกระเป๋าเราก็ต้องรอผู้ร่วมทริปกันหน่้อย
ถ้าใครรีบ หรือ อยากไปแบบส่วนตัวก็เหมาคันไปได้จร้า
สำหรับราคาก็ตามรูปน้า
พวกเราอยากไปสามที่ แต่ไม่มีใครไปด้วยเรย แงแง
เลยเลือกไปแบบสองที่จร้า
สถานที่มีหมูบ้านม้ง พระตำหนักภุพิงค์ และ พระธาตุดอยสุเทพจร้า

ตอนแรก  รถก็จะมาส่งที่พระธาตุดอยสุเทพก่อน พวกเราก็คิดว่าจะไปด้านบนก่อนแล้วค่อยกลับลงมา
ได้ทีรีบจับรถขึ้นไปทันที 
อย่างที่เคยได้ยินยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่วันนี้เราไม่ได้่ป้องกันหนาวกันมาเลย
 เมื่อเราเดินเข้าไปด้านในพระตำหนัก 
จะเจอดอกไม้นานพันธุ์ตระการตามากทีเดียว
แค่เห็นก็สดชื่นแล้ว บวกกับอากาศหนาว  โอ๊ย ยังกะเดินในวิมาน
ปล. ที่นี่เค้าห้ามกระโปรงกางเกงขาสั้นกว่าเข่า และเสื้อแขนกุดเข้านะจ้ะ 
ต้องเช้าเสื้อผ้าเปลี่ยนจร้า






ใช้เวลาได้เพียง 20 นาที ได้เวลาไปต่อแว้ว
ขึ้นไปต่อบนดอยที่หมูบ้านชาวกะเหรี่ยง 
ที่นี่จะมีพิพิธภัณธ์ แสดงวิถีชีวิตของชาวเขาที่นั่น



 และมีดอกไม้เมืองหนาวบานสะหรั่งเลยทีเดียว
ที่นี่เป็นครั้งแรกที่นำเด็กใต้มาเจอกับดอกฝิ่น





ที่นี่เค้าจะมีน้องๆ ชาวเขามาให้ถ่ายรูปคู่ โดยจะได้รับทิปจากนักท่องเที่ยว
อย่างน้องสองคนนี้ วันนั้นด้วยอากาศที่ร้อนมาก 
สงสารน้องเค้ามาก  แก้มนี่แดงจะสุกอยู่แล้ว

บ้างก็มาโดดน้ำตูม ตูม เพื่อคลายร้อน
ตอนที่เรามาเป็นช่วงที่สตรอเบอรรี่มากมาย
ถูกมาก หวาน ใหญ่ลูกแดง ในแก้วในรูปแก้วละ 30 บาท เอง
น่ากินมว๊าก---
 เมื่อเสร็จแล้วก็เตรียมมารอที่รถกลับ
ลงไปที่พระธาตุดอยสุเทพกัน

เราเลือกที่จะเดินขึ้นไป แต่เด๋วนี้มีบริการลิฟต์นะคะ
โชคดีหน่อยสำหรับคนเข่าไม่ดี

 ตัวพระธาตุ เหมือนในโปสการ์ดเลยค่ะ
วันนี้แดดร้อนมากทีเดียว
ส่วนการแต่งตัวนั้นควรใส่กระโปรงคลุมเข่า และเสื้อเรียบร้อยค่ะ
แต่ถ้าใครไม่สะดวกเค้ามีชุดให้เปลี่ยนก่อนเข้าค่ะ

หมดแรงก็กลับมาพักที่โรงแรม ก่อนไปต่อ เป้าหมายคือถนนคนเดินวันอาทิตย์ค่ะ

 ทานอาหารมื้อเย็นที่โรงแรมนี่เอง ส่วนคุณน้องเทองดอาหารเย็นค่ะ
มื้อนี้ราคา 200 นิดๆเองค่ะ

เอาล่ะเมื่อท้องอิ่มก็เตรียมตัวไปต่อกันเล้ย
แน่นอนพาหนะเราคือรถแดง ตอนนี้เราขึ้นคล่องแระ
ค่าโดยสารเพียง 20-30 บาทเองค่ะ
มาถึงประตูท่าแพ เรามาตั้งแต่ ห้าโมงกว่า ยังไม่มืดเลย
ก็มีแผงมาตั้งมากมายแล้วค่ะ

 สินค้ามีมากมาย ทั้ง โคมไฟ ทรงชาวเหนือ
อาหารแปลกที่เราไม่เคยเห็นมามากมายเลย



 ภายในจะมีวัดให้ได้สักการะและชื่นชมความงามอีกด้วย

 คุณยายจะขายใบลาพับนานาชนิด ท่าทางคูณยายน่าจะอายุร่วมร้อย
ราคาที่ขายก็ไม่แพงนะ
ใครผ่านมาอย่าลืมมาอุดหนุนคุณยายกันนะคะ


 ณ มุมนี้ทุกคนที่มาก็อดจะถ่ายกับพรอพที่เค้าจัดให้ไม่ได้





เมื่อเดินมาสุดทางเราจะเจอกับวัดอีกวัด
เชียงใหม่เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีวัดมากมายจริง
แถมแต่ละวัดก็สวยงามไม่แพ้กันเลยค่ะ







 แน่นอนเมื่อเดินมาสุดตลาดเราจะมาเจอกับพาหนะคู่ใจของเรา
 จอดรออยู่มากมาย
เลือกโบกเอาได้เลยตามชอบใจ
^^
คืนนี้เพลียแล้ว
กลับโรงแรมแล้วนอน
พรุ่งนี้ยังอีกยาวไกล



 จัดการอาหารเช้ากันพร้อมแล้ว ก้ออกเดินทาง
วันนี้เราต้องเดินทางโดยรถแดงไปที่กาดสวนแก้ว หนึ่งในหลายๆ
จุดที่สามารถขึ้นรถไปยังงานพืชสวนโลก

เย้เย  หลังจาก 40 นาที ของการนั่งรถนั้น
เราก้เดินทางมาถึงบริเวณงาน


 มาถึงก็ไม่รอช้ารีบถ่ายกับหน้างานในบัดดล
ก่อนเข้าเราต้องไปซื้อบัตรผ่านประตูก่อนค่ะ
ภายในงานจะมีสวนแบบต่างให้ได้ชมกันมากมาย ดอกไม้หลากสี
พาเอามึนงงกับความสวยงามของดอกไม้ไปหมดเลย
พบกันสวนแรกเลยชื่อ "สวนสวัสดี"

ภายในมีลำธารจำลองน่ารักมาก
ชอบที่มีดอกหญ็าริมลำธารนี่แหละ
 เดินต่อมาหน่อยก็จะเป็นสวนดาษดา
ซ฿้งมีสีสันสดใสมาก การตกแต่งมาการจำลองเป็นผีเสื้อด้วย






เดินต่อมาก็จะมีจำลองบ้านในภาคต่างๆ ให้ได้ดูกัน 
เป็นบ้านสีลูกกวาดในฝันเลยทีเดียว
 
 ที่ซุ้มกังหันชัยพัฒนา มีให้ส่ง การ์ด ฟรีเลยค่ะ
จะส่งให้ใครกี่ใบก็ได้ ^^

ดูฟักเขียวสิ น้องสาวว่าตัวใหญ่แระ
ฟักใหญ่เกือบเท่า













เดินวนมาเจอหอคำหลวง ทางเดินมาที่นี่ร้อนและไกลมว๊าก
แต่ก็ยันกายมาถึงจนได้

--
เดินมาอีกโซนจะเป็นโซน สวนสวยของประเทสต่างๆ

มาเจอกลุ่มเด็กมาทัศนศึกษากันมากมาย
นึกย้อนไปสมัยเราเด็กๆเลย







ประมาณบ่ายสามก็ได้เวลาจรลีกลับ
เตรียมไปสนามบิน
บินกลับกันแล้วจ้ะ
คิดถึงเชียงใหม่แล้วจะมาเยี่ยมตัวเธอใหม่นะ