วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เชื้อราในตู้เสื้อผ้า ทำอย่างไรได้บ้าง

พอเข้าฤดูฝน ควมชื้นเยอะ
ตู้เสื้อผ้าเจ้ากรรม ก็เริ่มแล้วค่ะ มีวงขาวเริ่มขึ้น
พอเช็ดฟุ้งกระจายเชียว แต่พอเราเช็ดแล้ว ไม่กี่วันถ้ายังชื้อยู่เดี่ยวมันก็มาอีก

เคยคุยกับทางร้านขายเฟอร์นิเจอร์ว่า ถ้าเป็นตู้ที่ทำจากไม้อัด
ไม่ใช้เนื้อไม้ล้วน ซึ่งในปัจจุบันก็นิยมทำจากไม้อัดกันนั่นแหละค่ะ
เพราะราคาย่อมเยาว์ น้ำหนักเบา เหมาะแก่การเคลื่อนย้าย
เมื่อไหร่อากาศชื้น เชื้อราก็จะถามหา

ตู้เจ้ากรรมที่บ้านเป้นตู้เสื้อผ้าอยู่ในห้องนอน
อากาศระบายดีก้ยังเป็นเลยค่ะ ปวดหัวต้องมาทำความสะอาด
เพราะนอกจากจะดูไม่สะอาดแล้ว ถ้าปล่อยไว้นานเสื้อผ้าก็อาจจะเลอะเพราะโดนเจ้าราเหล่านี้
ต้องซักใหม่ และที่ร้ายกว่านั้นเสื้อผ้าในตู้พาลจะเหม็นอับไปด้วยอีก


ลองหาอะไรเช็ดกันเนอะ
เค้าว่าอะไรดีเราก็ลองเช็ดมาหมด
------

ไฮเตอร์เอย 

น้ำส้มสายชูเอย ...ผสมน้ำเปล่าใส่ Foggy ฉีดเล เชื้อรามันจะตายในน้ำส้มสายชูนะคะ
สักพักเชื้อราก็ตายหายไปเองค่ะ 

ลากไปตากแดด...นี่ไม่ไหว ตู้หนักเอาการ

ใช้เป็ดเอย แบบกำจัดเชื้อรา ขวดสีน้ำเงิน ฝาขาว ใส่ขวดฟ๊อกกี้ประมาณ 3/4 แล้วเติมน้ำ ถ้าต้องการให้แรงก็เติมเป็ด เอาไปฉีดและหาผ้ามาเช็ดตาม

ทาด้วยโพลียูเรเทนด้วย 

น้ำมันพืช 

เดทตอล 

สารดูดความชื้น

---
ที่ว่ามาด้านบนทำมาเกือบหมดแระ
จนมาเจอคำแนะนำนี้ค่ะ

เป็นน้ำยาใส่เล็บเกี่ยวกับโรคเชื้อราในเล็บ
เราทำตามวิธีด้านล่าง
เชื้อราไม่หายหมดนะคะ แต่ขึ้นน้อยลงมากๆๆ
เดี่ยวรอดูกันว่ามันจะกันได้ทั้งฤดูฝนนี้รึเปล่า!!!


---
1.ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดให้แห้ง เช็ดราออกจากตู้ก่อนค่ะ 
2.รอให้ตู้แห้งสัก1ชม.

3. ใช้น้ำยาเทใส่ผ้าขนหนูหรือสำลีพอหมาดๆ เช็ดให้ทั่วทั้งตู้เลยค่ะ ตามซอก ด้านบน ด้านล่างเช็ดให้ทั่วค่ะ กลิ่นฉุนแสบจมูกค่ะ ควรหาผ้าปิดจมูกด้วยนะคะ
4. ทิ้งไว้สัก1อาทิตย์แล้วค่อยเก็บของเข้าตู้นะคะ เปิดตู้ให้กลิ่นระบายออกด้วยค่ะ




ปล.ไอ้เจ้าขวดนี้ก็จัดการแคปเจอร์ลงมือถือ แล้วเดินดุ่มๆไปร้านขายยารับรองได้เจ้านี่กลับมาด้วยแน่ๆ
ขอบคุณข้อมูลค่า จากคุณ voonnoov 
http://topicstock.pantip.com/family/topicstock/2012/11/N12895282/N12895282.html

ลาก่อนค่ะ .. คุณเชื้อรา

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Kinfolk .. หา inspiration การถ่ายรูปกัน

มาทำความรู้จักกับ Kinfolk นิตยสารแนว lifestyle คุณภาพที่กำลังมาแรง 
ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนตั้งใจอ่าน
🕔17.Aug 2013 Culture Style 0 Comments

“A picture is worth a thousand words” 
คือ quote ที่ผุดขึ้นมาเมื่อเราได้หยิบนิตยสาร Kinfolk ที่มาแรงในขณะนี้ขึ้นมาพลิกดู เชื่อว่าใครก็ตามที่ได้ลองเปิดดูนิตยสารเล่มนี้ สิ่งแรกที่จะสะดุดตามากที่สุดคงจะต้องเป็นสไตล์การถ่ายภาพโดยรวมของนิตยสาร ที่ช่างดูละเมียดละไมและเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆพร้อมๆกับการถ่ายทอดบรรยากาศและเรื่องราวของภาพนั้นๆได้อย่างน่าดึงดูดใจ จนทำให้ในบางครั้งเราอาจมองข้ามกับตัวเนื้อหา ที่พอได้ลองอ่านแค่สองสามประโยคแรกในแต่ละคอลัมน์ ก็ทำให้คนอ่านอย่างเรารู้เลยว่านักเขียนของเขาตั้งใจและใส่ใจกับการเขียนมากแค่ไหน

Kinfolk ในคำจำกัดความของ Nathan และ Katie Williams สองคู่รักผู้ก่อตั้งนิตยสารเล่มนี้ 
ก็คือเป็นเหมือนสมุดบันทึกสำหรับเหล่าอาร์ตติสท์ นักเขียน ดีไซเนอร์ ช่างภาพ เชฟทำอาหาร และครีเอทีฟคนอื่นๆที่มีความสนใจในการนัดรวมกลุ่มกับเพื่อนๆและคนในแวดวงเดียวกัน ให้มาแชร์ประสบการณ์ ไอเดีย และความสนุกแบบติดดินและเรียบง่าย พร้อมๆกับหากิจกรรมใหม่ๆมาร่วมทำและร่วมสนุกกัน Nathan ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่ได้นัดเจอกันของเพื่อนๆและคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก จึงกลายมาเป็นแนวความคิดในการก่อตั้งนิตยสาร Kinfolk โดยปัจจัยหลักของตัวนิตยสารก็คือการคำนึงถึงช่วงเวลาที่พวกเราได้มาจอยน์กันและแชร์ช่วงเวลาดีๆในการร่วมกินอาหารอร่อยๆและการพูดคุยกันแบบสบายๆ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่ากิจกรรมเหล่านี้จะทำให้คนเรารู้สึกมีความสมดุลย์และกระปรี้กระเปร่าไปพร้อมๆกัน และทั้งหมดนี้ก็ได้ถูกสะท้อนให้เห็นในทุกๆองค์ประกอบของ Kinfolk ไม่ว่าจะในเนื้อหา รูปภาพ และสุนทรียะโดยรวมอื่นๆ ทั้งหมดได้สะท้อนความรู้สึกของทีมงาน Kinfolk ต่อความเพลิดเพลินและความสนุกสนานที่ควรจะเป็น: สบายและค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ในความเรียบง่ายของ layout design และ art direction โดยรวมนั้นกลับมีอะไรบางอย่างของนิตยสารที่สามารถดึงดูดความสนใจของนักอ่านอย่างเราๆหรือแม้แต่คนทั่วไปให้อยากหยิบนิตยสารเล่มนี้ขึ้นมาดู เราเชื่อว่าเหตุผลหลักก็คือการออกแบบ layout และองค์ประกอบอื่นๆอย่างตัว typography และโทนสีโดยรวมที่ใช้ที่ออกเป็นโทนสีพาสเทล ดูเรียบง่าย สะอาดตาไม่ต้องมีอะไรมาเติมแต่งมากแบบ less is more และขอชมเชยสไตล์การถ่ายภาพด้วยการจัดนำเสนอภาพสิ่งของ อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้สอยกระจุกกระจิกทั้งในบ้านและที่ทำงาน รวมถึงภาพถ่ายของคนในสถานที่ต่างๆที่มักเน้นภาพของคนเหล่านั้นใน working environment ของตัวเองได้อย่างน่าอ่าน โดยโทนโดยรวมของแต่ละภาพสื่อถึงเสน่ห์ของความเรียบง่ายใน lifestyle และการใช้ชีวิตของคนสไตล์ Kinfolk

และที่มองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือเรื่องของเนื้อหาที่มีคุณภาพ ที่พอได้อ่านไปไม่กี่ประโยคก็รู้สึกได้ในทันทีว่านักเขียนแต่ละคนเขาใส่ใจและตั้งใจที่จะถ่ายทอดประสบการณ์และเรื่องราวมากแค่ไหน เราขอแนะนำว่าทุกครั้งที่คุณเปิดอ่าน Kinfolk หน้าที่คุณควรอ่านเป็นอันดับแรกคือหน้า “Welcome” ที่เขียนโดย Nathan Williams ในตำแหน่งบรรณาธิการ เพราะในแต่ละฉบับของหน้า Welcome นี้คุณจะได้อ่านถึงความตั้งใจในการนำเสนออะไรบ้างในแต่ละฉบับของนิตยสาร ในเรื่องของเนื้อหานิตยสาร Kinfolk จะประกอบไปด้วยคอลัมน์การสัมภาษณ์ “essay” หรือบทความต่างๆ “profile series” รวมทั้ง ‘“recipe” ในการทำอาหารและขนม และ ‘instruction’ ในการประดิษประดอยทำของตกแต่งต่างๆ ที่ใช้ภาพประกอบ illustration เข้ามาเสริมได้อย่างน่ารัก

จากเดิมที่ Nathan หวังเพียงว่าจะเป็น blog แหล่งข้อมูลสำหรับแบ่งปันภาพบรรยากาศการนัดกันระหว่างกลุ่มเพื่อนและครอบครัว ไปๆมาๆ Kinfolk ได้ดำเนินมาถึงฉบับที่ 8 แล้ว ซึ่งฉบับล่าสุดได้ถ่ายทอดเรื่องราวของวัฒนธรรมในการทำงาน การใช้ชีวิต และการทำอาหารของคนญี่ปุ่น หากวันไหนคุณมีเวลาพักผ่อนอยู่กับบ้านหรือไปนั่งชิวๆที่ร้านกาแฟ ลองหยิบนิตยสาร Kinfolk ขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ แล้วคุณจะได้แรงบันดาลใจใหม่ๆและการใช้ชีวิตแบบมีคุณภาพมาประยุกต์ใช้ โดยหลังจากนั้นคุณจะรู้ว่านิตยสารเล่มนี้ไม่ได้มีดีไว้แค่วางโชว์
Credit : Kinfolk
http://www.dooddot.com/kinfolklifestyle/
-----------
ชอบรูปใน Kinfolk มาก  (www.Kinfolk.com)  จะต้องถ่ายยังไงถึงได้รูป ที่ สี แสง ประมาณนี้ 
แล้วใช้กล้องแบบประมาณไหน ถึงจะถ่ายออกมาแบบนี้ได้  ชอบรูปแนวนี้เป็นการส่วนตัวค่ะ
รูปที่ 1 กับ 2 ใช้โฟโต้ชอป หรือ ไลท์รูม พอจะปรับโทนให้ใกล้เคียงได้ครับ

ถ้าจะนับเรื่องโทนสี กล้องแบบไหนก็ถ่ายได้ครับ
เรื่องแสงสี กล้องอะไรก็ถ่ายได้เพราะมาปรับอีกที

แต่มิติภาพ ก็ต้องเป็นพวก Mirrorless DSLR เลนส์ฟิก f กว้างๆ
preset หรือ app ของ VSCO Film ค่ะ
รูปที่สองที่เป็นเด็กผู้ชายสองคน ช่างภาพใช้กล้องฟิลม์ medium format Pentax 67 ครับ
แนะนำ Lightroom ครับ..
ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงเชิญที่นี่ครับ https://www.facebook.com/2howfb ---ตามไปดุคลิปแนะนำการถ่ายภาพและกล้อง
ส่วนใหญ่ตากล้องที่ถ่ายให้ Kinfolk ex. Parker Fitzgerald มักจะใช้กล้องฟิล์มในการถ่ายครับ

แต่ถ้าเราใช้กล้องถ่ายภาพ Digital เราสามารถทำ Film look ได้ง่ายๆโดยการใช้โปรแกรมเช่น Lightroom มาช่วย โดยการโหลด preset ที่มีชื่อว่า VSCO หรือถ้าเป็นมือถือจะเป็น application ชื่อว่า VSCO Cam
ช่างภาพคนนี้น่าสนใจ  http://petapixel.com/2014/11/21/bob-ross-bug-photography-returns-solid-overview-macro-workflow/

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พยาธิในอุจจาระน้องหมา

 น้องหมากำลังท้องและถ่ายออกมาเป็นพยาธิตัวขาวๆ มาดูกันว่าเป็นอะไรได้บ้าง

--

เริ่มแรก สังเกตุลักษณะอึน้องหมากันก่อน --- คำเตือนภาพอาจไม่สบายดีนึดนึง


            ในกรณีที่มันมีพยาธิในท้องถ้าหากอึของมันดูเหมือนมีตัวอะไรคล้ายๆ เม็ดข้าว หรือเป็นเส้นๆ ล่ะก็ ชัดเลย มันเป็นพยาธิแน่นอน พยาธิตัวแบนจะเกาะกันเป็นกลุ่มๆ ในกองอึ คล้ายๆ กับเม็ดข้าวเล็กๆ ส่วนพยาธิตัวกลมนั้นจะดูเหมือนเส้นสปาเก็ตตี้แบน ๆ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พยาธิในหมา            ในกรณีที่มันได้รับเชื้อโรคต่าง ๆ สังเกตดูว่าอึของมันมีมูกหรือเปล่า อึก้อนนั้นมีลักษณะเหลว ตอนคุณตักมันขึ้นมาหรือเปล่า และส่งกลิ่นเหม็นตลบไปสามบ้านแปดบ้านหรือเปล่า ถ้าใช่แสดงว่าเจ้าเพื่อนแสนรู้ของคุณได้รับเชื้อการ์เดียเข้าให้แล้ว เชื้อโรคชนิดนี้แพร่กระจายได้ทางน้ำดื่มที่สกปรก หรือไม่ก็โดยมันเดินลุยผ่านแอ่งน้ำ แล้วเลียอุ้งเท้าของมันเอง

             ในกรณีที่กระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ ถ้ามันอึออกมากองโต มีสีเทา หรือเหนียวหนับเหมือนยางมะตอยล่ะก็ เป็นไปได้ว่าระบบย่อยอาหารของมันเกิดทำงานผิดปกติขึ้นมา อาการลักษณะนี้สัตวแพทย์จะเรียกว่าระบบย่อย อาหารผิดปกติหรือระบบการดูดซึมบกพร่อง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มันผอมและเป็นโรคขาดสารอาหาร แม้ว่าคุณจะให้อาหารดีๆ กับมันมากมายเพียงใดก็ตาม


             ในกรณีที่ในท้องมีอาการสาหัสอย่างหนัก นอกจากเลือดที่ปนมากับอุจจาระจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าสุนัขมีอาการปวดท้องแล้ว มันยังสามารถชี้ตำแหน่งที่เกิดอาการเจ็บปวดอย่างเฉพาะเจาะจงได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เลือดสด ๆ ที่ปนมากับอุจจาระจะเป็นตัวบ่งบอกว่ามีบาดแผลที่ลำไส้ใหญ่ ถ้าอุจจาระมีสีดำหรือเหนียวคล้ายน้ำมันดิน แสดงว่าอาจมีการระคายเคืองที่กระเพาะอาหารหรืออวัยวะย่อยอาหารบางแห่ง โดยสรุปแล้วเลือดที่ออกมากับอุจจาระเป็นสัญญาณว่าสุนัขของคุณมีอาการหนักแล้ว รีบพาไปหาสัตวแพทย์ด่วนจี๋เลย

             ในกรณีที่มันกินบางอย่างที่ไม่ควรจะกินการสังเกตอุจจาระของสุนัขอย่างเผิน ๆ จะสามารถให้ร่องรอยบางอย่างกับคุณว่าเจ้าหมาตัวดีของคุณมีอาการที่ไม่น่าไว้วางใจหรือไม่ เพื่อที่คุณจะเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นเผื่อว่ามันจะมีอาการผิดปกติร้ายแรง ตัวอย่างเช่น หมาที่มีเศษของเล่นพลาสติกอยู่ในอุจจาระสมควรที่จะได้รับดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ไปกินอะไรแผลงๆ เข้าอีก

          แล้วเราควรจะมองหาอะไรในอึหมาของเราดีล่ะ อึที่ดีนั้นควรจะจับตัวกันเป็นก้อน มีขนาดพอสมควร ไม่ก้อนเล็กหรือใหญ่เกินไป และไม่ควรจะเหม็นมากเกินไป (หมายความว่าเหม็นได้ แต่อย่ามาก) ถ้าอึหมาของคุณไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กล่าวมาล่ะก็ รีบไปปรึกษาสัตวแพทย์ดีกว่านะ ขอให้มีความสุขกับการตรวจอึ !

           เก็บตัวอย่างอึอย่างไรให้ได้ผลแม้ว่าจะมีความรู้เกี่ยวกับการสัตวแพทย์เพียงเล็กน้อย เจ้าของก็สามารถบอกอาการของสุนัขได้มากมาย จากการพิจารณาอึของมัน บ่อยครั้งทีเดียวที่สัตวแพทย์ต้องการตรวจตัวอย่างอึของสุนัข นี่เป็นวิธีการเก็บตัวอย่างอึที่ถูกต้อง
           อย่าเก็บตัวอย่างมามากเกินไปคุณไม่จำเป็นต้องเก็บอึทั้งกองมาให้สัตวแพทย์หรอก แค่ช้อนชาเดียวก็เหลือแหล่แล้วสำหรับให้สัตวแพทย์หรือนักเทคนิคการแพทย์ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์

          เก็บแต่อึที่ยังใหม่ ๆ อยู่ยิ่งอึเก่าเท่าไร ยิ่งยากแก่การตรวจสอบมากขึ้นเท่านั้น โดยทั่วไปสัตวแพทย์ต้องการได้ตัวอย่างอึที่เพิ่งถูกขับออกมาได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง แต่ถ้าเอาไปแช่ตู้เย็นมันจะช่วยยืดอายุได้เป็น 48 ชั่วโมง (ว่าแต่ว่า คุณจะเอาอึหมาไปแช่ตู้เย็นจริง ๆ รึ)

ขอขอบคุณแหลงข้อมูล -- ChampBKK http://pitbullzone.com/community/discussion/11760/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87...%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2/p1


-------------
          ถ้าตัวแบนๆ เป็นปล้องๆ คือพยาธิตัวตืด ติดจากการกินป้องของพยาธิตัวตืดเข้าไป หรือการกินหมัด ซึ่งเป็นพาหะของพยาธิตัวตืดเข้าไปครับ



แต่ถ้าเป็นพยาธิเส้นยาวๆ โดยมากเป็นพยาธิตัวกลมครับ ติดได้หลายทาง เช่นการกินไข่พยาธิเข้าไป หรือติดจากแม่สู่ลูก ทั้งทางเลือดตอนอยู่ในท้อง และทางน้ำนมตอนแรกเกิด


ถ้ามีปริมาณไม่เยอะก็ไม่มีผลให้เห็นชัดเจนครับ แต่ถ้ามีเยอะมากก็จะทำให้ลูกสุนัขขาดสารอาหาร โลหิตจาง ท้องเสีย อาจเกิดปัญหาลำไส้อุดตัน หรือลำไส้แตกจนเสียชีวิตได้ในกรณี่มีปริมาณมากๆ

1. ใช้ยาถ่ายพยาธิชนิดไหนอยู่

ยกตัวอย่างหากใช้ยาถ่ายพยาธิผิดประเภท หรือ โดสไม่เหมาะสมก็ไม่สามารถถ่ายพยาธิบางชนิดได้ครับ

2. อายุสองเดือนแล้ว ใช้ยาถ่ายพยาธิชนิดรวมได้แล้วครับ ปกติถ้าให้ตามน้ำหนักตัวที่ถูกต้อง ป้อนยาทุกๆ2 อาทิตย์ สัก 2-3 ครั้งก็น่าจะถ่ายพยาธิได้หมดครับ

หากถ่ายหมดแล้วจากนั้นก็แนะนำให้ถ่ายทุกๆ 3 เดือนครับ


พยาธิตัวแบนๆเป็นปล้องๆคือพยาธิตัวตืด   ก็ต้องสอบถามก่อนว่าป้อนยาถ่ายพยาธิอะไรเข้าไป ขนาดของยาถูกต้องหรือไม่ แล้วป้อนยากี่ครั้ง เว้นระยะห่างเท่าไหร่

ยาถ่ายพยาธิมีหลายชนิดครับ พวกราคาถูกๆหรือยาถ่ายพยาธิของลูกสัตว์จะถ่ายได้แต่พยาธิตัวกลม ไม่สามารถถ่ายพยาธิตัวตืดได้ ถ้าอย่างนั้นจะถ่ายบ่อยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ครับ

นอกจากนี้ในด้านวงจรชีวิตของพยาธิตัวตืด ปล้องที่เห็นเป็นระยะติดต่อของพยาธิ หากสุนัขกินปล้องนั้นเข้าไปก็เป็นการติดพยาธิซ้ำ หรือหากสุนัขกินหมัดที่มีระยะติดต่อของพยาธิตัวตืดในตัวก็ติดพยาธิซ้ำได้ครับ เนื่องจากหมัดเป็นพาหะของพยาธิตัวตืด

ดังนั้นในการถ่ายพยาธิตัวตืดให้ได้ผล ต้องเลือกใช้ยาให้ถูกชนิด ขนาดยาเหมาะสม ป้อนซ้ำตามระยะเวลาจนกว่าจะถ่ายพยาธิออกหมด และต้องควบคุมกำจัดหมัดซึ่งเป็นพาหะของพยาธิตัวตืดด้วย

โดยมากถ้าเป็นลูกสุนัขอายุยังไม่เกินสองเดือนมักจะให้เริ่มถ่ายจากยาน้ำก่อนครับ เพราะปลอดภัยกว่า แต่จะได้แค่พยาธิตัวกลมครับ


เมื่อสุนัขอายุมากกว่าสองเดือน ก็สามารถใช้ยาถ่ายพยาธิชนิดรวม (ถ่ายพยาธิตัวกลม และตัวตืด) ซึ่งโดยมากจะเป็นยาเม็ดครับ แล้วยาถ่ายพยาธิที่ให้ที่ฉีดหมายความว่าอย่างไรครับ เป็นยาฉีดเข้าใต้ผิวหนังหรือครับ หรือว่าเป็นยากิน เม็ด/น้ำ ครับ   กลุ่มยาถ่ายพยาธิชนิดรวม ที่สามารถถ่ายได้ทั้งพยาธิตัวกลมและตัวแบน โดยมากเป็นยากินครับ (ยาเม็ด)  ถ้าใช้ยาฉีดจริงๆ น่าจะเป็นยา ivermectin ซึ่งถ่ายได้แค่พยาะิตัวกลมเท่านั้นครับ ไม่ได้ถ่ายพยาธิตัวตืด 

กรณีถ่ายเหลว และ ฉี่บ่อยไม่น่าจะเกี่ยวกับยาที่ฉีดนะครับ

แต่ถ้าเป็นการกินยาสัตว์หลายๆตัวที่กินยาถ่ายพยาธิก็เกิดอาการถ่ายเหลวได้ครับ แต่โดยมากแค่ 1-2 ครั้งแล้วก็กลับมาเป็นปกติครับ  ดังนั้นลองดูอาการครับ หากยังถ่ายเหลวอยู่นานกว่านั้น ส่วนตัวคิดว่าอาจจะป่วยด้วยปัญหาท้องเสียมากกว่าครับ

ที่นิยมกันมากสุดก็คือใช้ยาถ่ายพยาธิ Parax ครับ http://www.click2vet.com/index.php?lay=show&ac=cat_show_pro_detail&pid=87339


พยาธิทางเดินอาหารไม่ได้ทำให้เกิดอาการคันครับ (ที่พบได้มีแค่อาการคันก้น เอาก้นไถพื้นครับ) ดังนั้นหากสุนัขมีอาการเกาคันตามผิวหนังตามลำตัว แล้วหมอบอกว่าสาเหตุมาจากพยาธิ แนะนำให้เปลี่ยนสถานที่ตรวจรักษาครับ

แนะนำให้พาไปตรวจผิวหนังที่โรงพยาบาลสัตว์ครับ หากสงสัยเรื่องโรคผิวหนัง ควรเริ่มจากการขูดผิวหนังส่องกล้องจุลทัศน์ครับ เพื่อตรวจหาไรขี้เรื้อน เชื้อรา ยีสต์ และแบคทีเรียครับ

ปล. กรณีตรวจผิวหนัง ไม่ควรอาบน้ำก่อนพาไปตรวจนะครับ เพราะการอาบน้ำจะฟอกเอากลิ่น เอาสะเก็ดรังแค่ และสิ่งต่างๆที่ใช้ในการตรวจออกไปหมด ทำให้อาจจะตรวจไม่พบอะไรครับ


ใช้เวลานานเท่าไหร่เมื่อให้ลูกสุนัทกินยาถ่ายพยาธิแล้วเค้าถึงจะอึออกมา โดยทั่วไป 1 วันครับ

พยาธิที่ออกมากับอึให้เห็นเป็นตัวๆส่วนใหญ่ไม่ใช่ระยะติดต่อครับ ระยะติดต่อส่วนใหญ่ของพยาธิตัวกลมคือไข่ที่ปนออกมากับอึ และติดสู่คนสู่สัตว์อื่นโดยการกินเข้าไป กินโดยตรง ปนเปื้อนในอาหาร ติดมือแล้วไปหยิบจับอาหาร ครับ จะมีที่ออกมาแล้วเป็นระยะติดต่อคือปล้องแก่ของพยาธิตัวตืด จะเป็นเส้นสั้นๆแบนๆ ขยับไปมาได้ แต่การติดต่อก็คือการกินอยู่ดีครับ

ส่วนพยาธิที่เป็นตัวอ่อนที่อยู่ตามพื้นดินและเป็นระยะติดต่อคือตัวอ่อนของพยาธิปากขอครับ แต่เป็นการฟักออกมาจากไข่แล้วเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อนะครับ ไม่่ใช่การที่สัตว์อาเจียนหรือถ่ายออกมาแล้วเป็นระยะติดต่อ


ดังนั้นการที่สุนัขถ่ายออกมามีพยาธิ ถ้าไม่ใช้ตัวตืด ตัวพยาธิที่เห็นไม่ใช่ระยะติดต่อครับ ส่วนถ้าเป็นตัวตืดการติดต่อก็คือการกินปล้องแก่เข้าไปครับ

ยังไงเรื่องพยาธิเป็นเรื่องการแก้ไขรักษาง่ายครับ ก็แค่ป้อนยาถ่ายพยาธิชนิดรวมของสุนัขโดยตรง ตามน้ำหนักตัวครับ

http://www.click2vet.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=2&No=1396098

--------------------------------


โรคพยาธิปากขอ (Hookworm)ขนาด เป็นพยาธิตัวกลมขนาดเล็กยาวเพียงแค่ 1.6 เชนติเมตรมีเขี้ยวแหลม 3 คู่ เอาไว้ดูดเลือดในลำไส้เล็กของลูกสุนัข

การติดต่อโดยถูกพยาธิตัวอ่อนไชเท้าทางผิวหนัง หรือถูกถ่ายทอดทางน้ำนมจากแม่สุนัข

อาการป่วย ลูกสุนัขมักจะมีอาการซีดของเยื่อเมือกในปาก ตา เกิดภาวะโลหิตจาง มีการถ่ายเหลวมีเลือดปน ลักษณะอุจจาระจะเป็น สีแดงคล้ำๆ ลูกสุนัขอ่อนเพลีย ผอม และไม่โต

การตรวจวินิจฉัย ท่านเจ้าของสุนัขควรเก็บอุจจาระนำไปให้ สัตวแพทย์ตรวจหาไข่ของพยาธิ

การรักษา ควรถ่ายพยาธิทุก 14 วัน เพื่อนำเอาตัวแก่ของพยาธิ ออกไปเป็นช่วง ๆ


โรคพยาธิไส้เดือน (Ascariasis)ขนาด เป็นพยาธิตัวกลม ขนาดค่อนข้างใหญ่ ยาวเกือบ 10 – 18 เซ็นติเมตร ตัวสีน้ำตาลขาว คล้ายๆ เส้นบะหมี่

การติดต่อ โดยการถ่ายทอดผ่านทางรกของแม่สุนัขไปสู่ลูกสุนัข

อาการป่วย ถ้าลูกสุนัขที่ป่วยเนื่องจาก การเคลื่อนที่ของตัวอ่อน พยาธิไปตามอวัยวะภายใน มักจะตายใน 2 – 3 สัปดาห์หลังเกิดโดย ที่เรามักจะไม่ทราบสาเหตุ ถ้าลูกสุนัขโตขึ้นมามีการป่วย มักจะมี อาการถ่ายเหลว ท้องป่อง กินอาหารจุแต่ผอม บางครั้งจะอาเจียน ออกมาและ มีตัวพยาธิปนออกมากับอาเจียนด้วย

การตรวจวินิจฉัย ควรเก็บอุจจาระมาให้สัตวแพทย์ตรวจหาไข่ พยาธิ หรือถ้าลูกสุนัขอาเจียน ถ่ายอุจจาระออกมา พร้อมกับมีพยาธิ ไส้เดือน ให้เก็บมาให้สัตวแพทย์ตรวจดูด้วย

การรักษา ควรถ่ายพยาธิทุก 14 – 21 วัน เพื่อขจัดเอาตัวแก่ ของพยาธิออกไปเป็นช่วงๆ


โรคพยาธิเส้นด้าย (Enterobiasis)ขนาด เป็นพยาธิตัวกลม ขนาดเล็กยาวเพียง 0.2 เซนติเมตร

การติดต่อ โดยการถูกพยาธิไชผ่านผิวหนัง และสุนัขกินตัวอ่อน ระยะติดต่อเข้าไป

อาการป่วย ขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิที่มีอยู่ในตัวลูกสุนัข ถ้ามี น้อยอาจจะมีอาการถ่ายเหลวเฉยๆ ถ้ามีมากจะมีอาการถ่ายเหลวและ มีเลือดปน สุนัขจะซึม เบื่ออาหาร ไม่กินอาหาร น้ำหนักตัวลดลง

การตรวจวินิจฉัย ต้องนำเอาอุจจาระของลูกสุนัขมาตรวจหาไข่พยาธิ

การรักษา ใช้ยาถ่ายพยาธิตัวกลมติดกัน 3 – 5 วัน เพราะตัว อ่อนของพยาธิเส้นด้ายจะออกจากไข่ทุกๆ 24 ชั่วโมง


โรคพยาธิตืดเม็ดแตงกวา (Dipylidium Caninum)ขนาด เป็นพยาธิตัวแบนเป็นท่อน ๆ ขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตร เวลาที่เราเห็นมักจะยังมีชีวิตขยับได้ อยู่ปนกับก้อนอุจจาระ ของสุนัข ออกจะเป็นเหลืองขาว

การติดต่อ โดยการกินแมลงพวกหมัดที่อยู่บนตัวของสุนัข ตัวหมัดจะเป็นที่อาศัยกึ่งกลางของตัวอ่อนพยาธิชนิดนี้ ถ้าสุนัขมีหมัดโอกาสที่จะเป็นพยาธิตัวตืดเม็ดแดงกวามีสูงมาก

อาการป่วย มีอาการคันก้น อาจจะมีการเอาก้นไถพื้น น้ำหนัก ลด ขนแห้งหยาบ สุนัขไม่สมบูรณ์

การตรวจวินิจฉัย สามารถดูจากตัวแก่ที่อยู่ในก้อนอุจจาระและบริเวณรูก้น

การรักษา ให้ยาถ่ายพยาธิตัวตืด ทุก 2 – 3 อาทิตย์ เพื่อตัดวงจรของพยาธิตัวแก่ออกไป นอกจากนั้นยังต้องกำจัดหมัดที่เป็นที่อยู่อาศัยกึ่งกลางของพยาธิให้หมดไปด้วย

อ้างอิงรูปภาพจาก futurity.org, health.tipsdiscover.com, married2medicine.hubpages.com
ขอขอบคุณที่มา-- http://dognjoy.com/2014/09/worm-in-dogs-alimentary-system/


-------------------
โรคพยาธิตัวกลมคืออะไร มีสาเหตุจากอะไร


โรคพยาธิตัวกลมหรือ Toxocariasis เกิดจากการที่สุนัขหรือแมวติดพยาธิตัวกลมซึ่งพบในทางเดินอาหาร


สัตว์ชนิดใดเป็นโรคพยาธิตัวกลมได้บ้าง


สุนัขและแมวจะพบพยาธิในทางเดินอาหาร พยาธิตัวกลมในสุนัขคือ Toxocara canis และพยาธิตัวกลมในแมว
คือ Toxocara cati


สัตว์ติดโรคพยาธิตัวกลมได้อย่างไร


สุนัขและแมวทุกอายุสามารถติดพยาธิตัวกลมได้ แต่มักพบการติดพยาธิตัวกลมได้มากในสัตว์ที่อายุน้อย ในสุนัข พยาธิสามารถเคลื่อนที่ผ่านจากแม่ไปสู่ลูกสุนัขได้เมื่อแม่สุนัขตั้งท้อง


โรคพยาธิตัวกลมมีผลต่อสัตว์อย่างไร


สัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ สัตว์บางตัวอาจมีอาการอาเจียน เบื่ออาหารหรือน้ำ หนักลด
การติดเชื้ออย่างรุนแรงทำ ให้ลูกสุนัขและลูกแมวตายได้


คนติดโรคพยาธิตัวกลมได้หรือไม่

สุนัขและแมวที่ติดมีพยาธิจะปล่อยไข่ของพยาธิออกมาในอุจจาระทำ ให้เกิดการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ไข่พยาธิ
สามารถอยู่ได้เป็นเวลานานในสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่น การติดเชื้อสามารถเกิดจากการกินไข่ของพยาธิใน
อุจจาระที่ปนเปื้อนในดิน ทราย หรือพืชได้เด็กมักติดเชื้อจากการเล่นในบริเวณที่อาจมีการปนเปื้อนอุจจาระของสุนัข และแมวที่มีไข่พยาธิส่วนใหญ่แล้วการที่คนได้รับไข่พยาธิจะไม่ทำ ให้เกิดอาการหรือความเสียหายต่ออวัยวะ ในบาง
รายตัวอ่อนของพยาธิตัวกลมสามารถเคลื่อนที่ไปในร่างกายของผู้ป่วยทำ ให้เกิดความเสียหายของเนื้อเยื่อในร่างกายได้ (visceral larva migrans) ตัวอ่อนสามารถทำความเสียหายต่อเส้นประสาทหรืออาจเข้าไปอยู่ในตาซึ่งเป็นผลให้เส้น ประสาทเสียหายถาวรหรืออาจทำ ให้ตาบอดได้ โรคพยาธิตัวกลม (Toxocariasis)


ควรติดต่อใครเมื่อสงสัยว่าเกิดโรคพยาธิตัวกลม

กรณีสัตว์: แจ้งสัตวแพทย์
กรณีคน : พบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ป่วย


จะป้องกันสัตว์จากโรคพยาธิตัวกลมได้อย่างไร


การถ่ายพยาธิให้กับสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ สามารถป้องกันและกำ จัดพยาธิตัวกลมในสัตว์เลี้ยงได้ ลูกสุนัขและ
ลูกแมวต้องได้รับการตรวจและถ่ายพยาธิจากสัตวแพทย์ในช่วงแรกของชีวิต บริเวณที่เลี้ยงสัตว์ต้องสะอาดและกำจัดอุจจาระอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ควรฝังหรือทิ้งอุจจาระในถุงขยะ


จะป้องกันตัวจากโรคพยาธิตัวกลมได้อย่างไร


การดูแลให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดีและปลอดจากพยาธิตัวกลมจะช่วยป้องกันไม่ให้ติดพยาธิได้ สุขอนามัยส่วนบุคคล
มีความสำคัญในการลดโอกาสการติดพยาธิ ล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสตัวสัตว์หรือทำ กิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ทำ สวน
การล้างมือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องทำก่อนกินอาหาร และเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องสอนให้เด็กรู้และปฏิบัติไม่ควรอนุญาตให้เด็กเล่นในบริเวณที่มีอุจจาระสุนัขหรือแมวปนเปื้อน ดูแลสนามเด็กเล่น สนามหญ้า หรือสวนในบ้านให้ปลอดจากสิ่งขับถ่ายของสัตว์ควรสอนให้เด็กทราบถึงอันตรายจากการกินสิ่งสกปรกหรือดิน


อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

CFSPH Technical Fact Sheets. Toxocariasis at http://www.cfsph.iastate.edu/DiseaseInfo/
CDC website. Toxocariasis at http://www.cdc.gov/ncidod/diseases/submenus/ sub_toxocariasis.h


---------------------


ปกติแล้วพยาธิ มักจะมีขนาดเล็กกว่าสิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นบ้านที่พยาธิเข้าไปอาศัยอยู่เสมอ เค้าต้องการอาหารเพื่อความอยู่รอด เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ไม่ให้หมดไปจากโลก เหมือนไดโนเสาร์ และจะไม่พยายามทำลายสภาพแวดล้อม บริเวณที่เป็นแหล่งอาหารของเค้าอีกด้วย สมัยก่อนคนในโลกก็ไม่มากมายเท่าทุกวันนี้ พยาธิต้องใช้ ความพยายามสูงมาก ในการหาบ้านแต่ละครั้ง ตรงกันข้ามกับปัจจุบัน ผู้คนอยู่กันอย่างหนาแน่น แออัด การขยายเผ่าพันธุ์หรือหาที่อยู่ใหม่ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก อีกต่อไป รู้จักภูมิหลังของพยาธิพอสังเขปแล้ว คราวนี้เราไปดูกันว่าในทางเดินอาหารของสุนัขมีพยาธิชนิดไหนบ้าง ที่พบว่า เป็นสาเหตุทำให้เกิดความเจ็บป่วย ในสุนัขอยู่บ่อยๆ


พยาธิไส้เดือน

ตัวกลมๆ ยาวๆ คล้ายไส้เดือน เป็นรูปร่างของพยาธิชนิดนี้ ครั้งแรกที่เราอุ้มเจ้าตูบไปถ่ายพยาธิกันตอนเด็กๆ อายุประมาณ 1 เดือน คุณหมอก็จะให้กินยา เพื่อถ่ายพยาธิชนิดนี้แหละค่ะ หลายๆ ท่านสงสัยและไม่ลังเลที่จะถามว่า แล้วเจ้าตูบไปติดพยาธิมาจากไหนคะหมอ อายุก็น้อยนิด แถมยังไม่เคยออกไปพ้นชายคาบ้าน ด้วยซ้ำไป ก็ติดมาจากแม่เค้านั่นแหละค่ะ หลังคลอดลูกแล้วแม่ต้องให้นมลูก เจ้าพยาธิไส้เดือนก็จะอพยพตัวเองไปใช้เส้นทางใหม่ ผ่านทางน้ำนมเข้าสู่ตัวลูกได้เช่นกัน คุณหมอก็เลยต้องถ่ายพยาธิชนิดนี้ให้กับเจ้าตูบ ด้วยประการฉะนี้แหละค่ะ นอกจาก 2 วิธีการ ที่เล่ามาแล้ว สุนัขยังติดพยาธิโดยการกินไข่พยาธิ (ซึ่งปนมากับ อุจจาระของสุนัขที่ติดพยาธิ) หรือโดยการกินสัตว์ชนิดอื่น ที่ติดพยาธิชนิดนี้โดยบังเอิญ เจ้าตูบที่มีพยาธิชนิดนี้ ตั้งรกรากอยู่ในลำไส้ จะมีลักษณะที่สังเกตง่ายๆ คือ พุงป่อง แคระแกรน ขนหยาบกระด้าง ท้องเสีย อาเจียน บางครั้งในอุจจาระ หรือของเก่าที่อาเจียนออกมา อาจจะพบพยาธิปนออกมาด้วย การมีพยาธิจำนวนมากๆ จะทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินอาหาร เกิดการระคายเคือง จนเป็นสาเหตุให้เกิดลำไส้กลืนกัน หรือบางครั้งก็ถึงกับเกิดลำไส้ทะลุได้ อยู่ในลำไส้นานๆ ก็เบื่อพยาธิไส้เดือนก็เลยเริ่มออกทัวร์ สถานที่โปรดปรานก็คือ ปอดของลูกสุนัข การไชผ่านของพยาธิก็จะทำให้ปอดเสียหาย และเกิดการอักเสบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ พยาธิชนิดนี้อันตรายมากในลูกสุนัข ควรป้องกันก่อนที่จะสายเกินแก้นะคะ ส่วนจะแก้ไขและป้องกันอย่างไร ต้องติดตามต่อไปค่ะ


พยาธิปากขอ

ได้ชื่อมาอย่างนี้ ก็เพราะลักษณะปากของพยาธิชนิดนี้ จะมีฟันที่มีลักษณะเหมือนตะขอ มีหน้าที่คอยเกาะเกี่ยวหนังลำไส้ และดูดเลือด การติดพยาธิชนิดนี้ นอกจากจะติดได้ โดยวิธีการเช่นเดียวกับพยาธิไส้เดือนแล้ว ยังสามารถติดได้ โดยการกินเอาตัวอ่อนของพยาธิ (พยาธิในวัยเด็ก) เข้าไป หรือไม่ตัวอ่อน ก็ไชผ่านผิวหนังเข้าไปได้ ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้ พบได้บ่อยมาก อันตรายจากการพยาธินี้ ก็คือ การที่พยาธิดูดเลือด และของเหลวจากเนื้อเยื่อของร่างกายเจ้าของบ้าน เจ้าตูบจะมีอาการถ่ายเป็นเลือด ซีด อ่อนเพลีย ผอมแห้ง ร่างกายขาดน้ำ การขาดเลือดอย่างรุนแรง ทำให้ลูกสุนัขเสียชีวิตได้ ส่วนสุนัขโต มักไม่ค่อยพบ อาการผิดปกติถึงขั้นรุนแรง


พยาธิแส้ม้า

เพียงรูปร่างเท่านั้นนะคะ ที่บังเอิญไปพ้องรูปเข้ากับแส้ม้า อันตรายไม่ได้เกิดจาการใช้แส้เฆี่ยนตีเจ้าตูบ พยาธิชนิดนี้ชอบโลเกชั่นแถวๆ ลำไส้ใหญ่ หลังจากนั้น มันฝังลงไปที่ผนังลำไส้ ก็จะตั้งหน้าตั้งตาดูดเลือดจากเจ้าของบ้าน นอกจากจะเสียเลือดแล้ว ยังเสียเนื้ออีกด้วย เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบของผนังลำไส้ด้วย เจ้าตูบติดพยาธิโดยการกินไข่พยาธิชนิดนี้เข้าไป ความสำคัญของพยาธิชนิดนี้นอกจากอันตรายแล้ว ยังทรหดอดทนอย่างน่าชื่นชม เพราะสามารถมีชีวิตอยู่ที่พื้นดิน หรือสนามในบ้านเราได้ถึง 4-5 ปี ไม่ต้องบอกต่อ ก็คงพอนึกออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา


พยาธิเส้นด้าย

เป็นพยาธิตัวกลมขนาดเล็กๆ ค่ะ เจ้าตูบติดได้โดยการกินตัวอ่อนของพยาธิ หรือตัวอ่อนไชผ่านทางผิวหนัง ความรุนแรงมักเกิดกับลูกสุนัข เช่นเดียวกับพยาธิชนิดอื่น โดยจะทำให้เกิดลำไส้อักเสบ แบบมีเลือดออกอย่างเฉียบพลัน อาจถึงแก่ชีวิตได้


พยาธิตัวแบน

ที่พบบ่อยๆ ก็ได้แก่ พยาธิเม็ดแตงกวา โดยมีพาหะของพยาธิ เป็นหมัดและเหาอีกที พยาธิตัวแบนตัวอื่นๆ อาจจะไม่คุ้นหูนักเรียกรวมๆ เป็นกลุ่มนี้จะเข้าใจง่ายกว่านะคะ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรุนแรงมาก ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงสมบูรณ์เท่าที่ควร บางชนิด เช่น พยาธิเม็ดแตงกวา จะทำให้เกิดการคันบริเวณก้น เนื่องจากปล้องของพยาธิ สามารถเคลื่อนไหวได้ ถ้าเจ้าของสังเกตสักหน่อย จะเห็นว่า สุนัขจะชอบเอาก้นไปถูไถกับพื้นอยู่บ่อยๆ


จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าตูบติดพยาธิ





http://dogclub0.tripod.com/Articles/Ar009.html


---------------------


ปกติลูกสุนัขเริ่มมีอายุได้ 40 วันขึ้นไป ก็เริ่มให้กินยาถ่ายพยาธิได้แล้วน่ะค่ะ เวลาถ่ายพยาธิต้องดูด้วยว่า พยาธิที่ออกมาเป็นพยาธิตัวกลม หรือพยาธิตัวตืด เราจะได้เลือกใช้ยาถ่ายพยาธิได้ถูกชนิดกับพยาธิที่มี หรือถ้าไม่แน่ใจให้เลือกใช้ยาถ่ายพยาธิที่ถ่ายได้ทั้งพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมในทางเดินอาหารค่ะ ซึ่งช่วงนี้พยาธิจะปนเปื้อนออกมากับอุจจาระอยู่เรื่อย ๆ การให้ยาถ่ายพยาธิให้ทำทุก 2 อาทิตย์ไปอย่างน้อย 4-5 ครั้ง ระหว่างนี้ก็เก็บอุจจาระทิ้งด้วย เพราะการถ่ายอุจจาระทุกครั้งจะมีไข่พยาธิปนออกมาด้วยต้องเก็บทิ้ง ไปเรื่อย ๆ 4-6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและกระจายลงไปในสิ่งแวดล้อม ค่ะ ซึ่งพยาธิในทางเดินอาหารของสุนัขบางชนิดสามรถติดคนได้ ต้องระวังด้วยค่ะ


----------------
ตัวตืด

     แต่ถ้าคุณยืนยันไม่ไปหาหมอ จะซื้อยากินเอง โดยมุ่งจะรักษาพยาธิในลำไส้เท่านั้น ผมแนะนำให้ทำสองยกดังนี้

     ยกที่หนึ่ง กินยา Niclosamide (Yomesan) เม็ดละ 500 mg กินทีเดียว 4 เม็ด แล้วรอดูเชิงไปว่าได้ผลเกลี้ยงเกลาไหม ยานี้เป็นยาเก่าคลาสสิกมาก งานวิจัยสมัยก่อนบอกว่าได้ผลระดับ 85-98% ถ้าดูเชิงไปแล้วเงียบไปได้ไม่กี่สัปดาห์ก็มีพยาธิไชออกมารบกวนอีก คราวนี้คุณก็ไปยกที่สอง

     ยกที่สอง กินยา Praziquantel เม็ดละ 600 มก. ครั้งละสองเม็ด (1,200 mg) รวมสามครั้ง (3,600 mg) จบในวันเดียว ยานี้มีผลพลอยได้คือช่วยกวาดล้างพยาธิใบไม้ในตับไปให้หมดได้ด้วย


นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์


http://visitdrsant.blogspot.com/2013/02/blog-post_8.html
http://www.petpowergrand.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539212416&Ntype=2








วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ทิลแลนเซีย สัปรดอากาศ


--ไปเดินเจเจตลาดนัดวันพุธ--สอยเจ้าสับปะรดอากาศมา 2-3 ต้น 
 เอ๋??? มัดขอนไงดี แอบลอกเค้าดีกว่า---

ทิลแลนด์เซีย ( Tillandsia )
เป็นชื่อสกุลย่อย (genus) ของพืชในตระกูล Bromeliaceae (family)

ชื่อทิลแอนด์เซีย ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่นายแพทย์ชาวฟินแลนด์ที่ชื่อ
เอลเลียส ทิลแอนด์ส ( Elias Tillands )

ทิลแอนด์เซีย ที่ผู้คนนิยมเลี้ยงมักเป็นพวกทนแล้ง เนื่องจากเลี้ยงง่าย ไม่ต้องใช้
วัสดุปลูก พวกทนแล้งสังเกตได้ง่ายจากขนหรือเกล็ดสีเทาหรือสีขาวที่ขึ้นปกคลุม
ทั่วต้น เกล็ดสีขาวที่พูดถึงคือ ไทรโคม หรือ เพ็ลเททสเกล (Trichome or Peltate Scales)

Trichome ทำหน้าที่ดูดซับความชื้น และธาตุอาหารจากอากาศ แต่ไทรโคม
ของทิลแอนด์เซียในกลุ่มทนแล้ง (xeric type) จะพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษกว่าชนิดอื่น จะเห็นได้ว่าเมื่อฝนตกลงมา หรือมีหมอกจัด หรือที่ๆ มีความชื้นสูง ขนเหล่านี้จะดูดความชื้นเข้าไป และย้ายจากผิวใบเข้าสู่กลุ่มเซลล์เก็บน้ำภายในใบ ช่วยให้ใบแห้งเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ไทรโคมยังมีหน้าที่
ระบายความร้อนและสะท้อนแสงอีกด้วย

สาเหตุที่ทำให้ทิลแอนด์เซียหลายชนิดมีคนปลูกเลี้ยงมากคือ ต้นไม่ใหญ่เกินไป
ไม่มีหนาม เลี้ยงง่าย ไม่ต้องใช้วัสดุปลูก มีรูปร่างแปลก สวยงาม มีสีสัน
ฉูดฉาดน่าดึงดูด แต่ข้อเสียคืออาจโตช้ากว่าบรอมีเลียดชนิดอื่น

บรอมีเลียด คืออะไร? บรอมีเลียด คือ ชื่อเรียกย่อโดยรวมของพืชในวงศ์
สับปะรด (Bromeliaceae) บรอเมลิอาเซอี, บรอมีลิอาซีอี ทั้งที่ใช้กิน และใช้ประดับ ซึ่งมีมากกว่า 2500 ชนิด และไม่นับรวมกับลูกผสมใหม่ๆ ซึ่งมีมากกว่า 500 ชนิด บรอมีเลียด BROMELIACEAE'S FAMILY
จำแนกได้เป็น 3 วงศ์ย่อยคือ

PITCAIRNIOIDEAE
-เป็นบรอมีเลียดจำพวกบนดิน-ทนแล้ง (Terrestrial Xeric Bromeliad)
ใบอวบน้ำและไม่อวบน้ำ มีหนามแหลมคม ผลเป็นแบบ capsule
เมล็ดมีปีกสามารถปลิวลอยไปกับลมได้

BROMELIOIDEAE
-เป็นบรอมีเลียดกึ่งดิน กึ่งอิงอาศัย ไม่ทนแล้ง (Epiphytic Mesic Bromeliad)
มีทั้งใบอวบน้ำ และไม่อวบน้ำ ใบมีหนามมีทั้งแหลมคม และไม่แหลม
ผลเป็นแบบ Berry เมล็ดมีความหนาแข็งมีเมือกเหนียวห่อหุ้ม

TILLANDSIOIDEAE
-เป็นบรอมีเลียดอิงอาศัย หรือจำพวกพืชอากาศ มีทั้งชนิดทนแล้ง และไม่
ทนแล้ง (Epiphytic Atmospheric type, True air plants, Xeric type)
มีทั้งใบอวบน้ำและไม่อวบน้ำ ไม่มีหนาม ขอบใบเรียบ ผลเป็นแบบ capsule
เมล็ดมี pappus เป็นเส้นใยสามารถปลิวลอยไปกับลมได้

การดูแลต้นไม้

การให้น้ำ - ให้แบบละออง หรือพรมน้ำให้ทั่วต้นจนเปียก จะรดน้ำแบบใช้
สายยางจากประปาก็ได้ ถ้าหากเลี้ยงต้นไม้เกาะไว้กับขอนไม้นอกบ้าน หรือเกาะไว้กับต้นไม้
-ถ้าอากาศร้อน หรืออากาศแห้ง ให้น้ำวันเว้นวัน
-อากาศเย็น หรืออากาศชื้น ให้น้ำ 2-3 วันต่ออครั้ง

แสง - พรางแสงจากดวงอาทิตย์ประมาณ 50-60% หรือเลี้ยงไว้ใต้ร่มไม้
หากเลี้ยงประดับไว้ในบ้าน สามารถใช้แสงจากหลอดนีออนในบ้าน หรือ office ได้

บรรยากาศรอบข้าง - ไม่เป็นที่อับชื้น หรือ อับลม เป็นที่ที่มีอากาศพัดผ่านบ่อย
หากเลี้ยงภายในตัวบ้าน หรือ office เลี้ยงไกล้ๆหน้าต่างก็ได้

ปุ๋ย - ใช้ปุ๋ยกล้วยไม้แบบเกล็ด ละลายน้ำจนเจือจาง ให้ทุกๆ 1 เดือน หลังจาก
ให้เสร็จให้ทิ้งไว้หนึ่งชม. แล้วรดน้ำตามอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ปุ๋ยตกค้างที่ใบเป็นการไม่ให้ต้นไม้เกิดอาการใบไหม้ แต่ปกติแล้วถ้าต้นไม้ไม่โทรมปุ๋ยก็ไม่จำเป็น เพราะถ้าให้บ่อยหรือถี่เกินไปต้นไม้อาจเสียรูปทรงได้
โดยส่วนตัวแล้วจะใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ เพราะเป็นสารจากธรรมชาติปลอดภัยต่อผู้ใช้ด้วย ยิ่งผลิตจากสมุนไพรที่มีส่วนผสมของดอกสะเดาด้วยแล้ว จะยิ่งสามารถกันแมลงได้ในตัว โดยผสมครึ่งช้อนชาต่อน้ำ 1.5-2 ลิตรแล้วฉีดพ่นให้เปียกทั่ว ให้ทุกๆ 1-2 เดือน หรือถ้าหากจะให้ถี่ๆ เช่นอาทิตย์ละครั้ง
ก็ลดส่วนผสมของปุ๋ยลงอีกครึ่งหนึ่ง แต่ส่วนผสมของน้ำยังเหมือนเดิม
สูตรนี้ใช้ได้กับบรอมีเลียดทุกชนิด ไม่ว่าจะทางใบหรือราก

[ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.ssairplants.com/home.html]

ที่มาของความรู้เหล่านี้
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nulaw-08&month=08-2012&date=18&group=7&gblog=470

-------------------------------------------------------
มาดูกันดีกกว่าว่าเค้าเกาะขอนยังไงกันบ้าง

http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2012/06/J12228759/J12228759.html











คนบ้า(น)ป่า









TASSY_TT



TASSY_TT





http://ssairplants.com/howtocare.html



ต้นไม้แขวนเคราฤาษี สับปะรดสีทิลแลนด์เซียบนลูกตีนเป็ด

--------------------------------------
พอได้ไอเดีย แล้วไปจัดการของเรากัน

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Disney Quotes

Never-grow-up-wallpaper-Walt-Disney-quote-2014
ที่มาจาก ---  http://www.kiitdoo.com/14-walt-disney-%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95/
waltdisney1

330ce1830e007598ded0dfdf17f5c9d0

walt disney5

walt disney6

waltdisney8

waltdisney9

waltdisney14

waltdisney11

waltdisney12

waltdisney15

waltdisney16

walt disney 18

waltdisney20

walt disney gif

...
เวบนี้มีคำคมเด็ดๆ
http://www.liferevo.org/index.php?option=com_content&task=blogsection&id=3&Itemid=65&limit=24&limitstart=48

จักรยานไม้ไผ่ ฝีมือคนไทย

หลังจากได้อ่านข่าว นี้ >>http://www.posttoday.com/

คนไทยทำจักรยานไม้ไผ่ขาย  ได้ราคาดีด้วยนะ 1.5-2 หมื่นต่อคัน...ตามไปดูที่เฟสเค้ากัน ชอบอ่ะ ดูเป็นคนมีไอเดีย


https://www.facebook.com/brownbikecm/



วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Donut Selfies

สาวหมวยไอเดียเลิศ คิดค้น "Donut Selfies" วิธีถ่ายเซลฟี่แนวใหม่เก๋ไก๋กว่าเดิม!!

ที่มาข่าว
http://www.catdumb.com/donut-selfies-2/

เป็นวิถีการถ่าย Selfies รูปแบบใหม่ คิดค้นโดยอดีตพนักงาน Microsoft นามว่า Karen Cheng ในชื่อเรียกเก๋ๆว่า Donut Selfies และอย่าเพิ่งได้เข้าใจผิดนะเมี้ยว เจ๊เขาไม่ได้มาขายขนมแต่อย่างใดนะ!!
และอุปกรณ์ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าการถ่าย Selfies ทั่วไปเลย เพียงสมาร์ทโฟน 1 เครื่องก็ทำได้แล้ว วิธีการถ่ายไม่ยาก เพียงแค่เปิดโหมดวิดีโอ จากนั้นก็เคลื่อนโทรศัพท์ให้เข้ามาในหัวแบบในวิดีโอนี้เลย…
https://www.youtube.com/watch?v=NcHAHZhBCUk
https://www.youtube.com/watch?v=zeNUJRqUWAI