วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

มาทำกล้วยบวดพระกัน ตามรอยคุณหมูน้อยอ้วน กลม มอารมณ์ดี

ที่มา

 ** ของคุณหมูน้อยอ้วน กลม อารมณ์ดี http://pantip.com/topic/33106921

-----
อ่านรีวิวี้แล้วในพันทิป ขอเอามาแปะไว้ก่อนตามรอย
----
กล้วยบวดชีมีเยอะแล้ว ผมนี่...เลยจัด "กล้วยบวดพระ" แบบหวานธรรมชาติเลยครับ
ส่วนหน้าตาจะเป็นอย่างไรนั้นตามมาเลยครับ <3


เนื่องด้วยเพื่อนผมกลับบ้านที่ปากช่อง แล้วเอากล้วยน้ำว้ามาฝาก 2 หวีใหญ่ๆ

เมนู กล้วยบวดชีก็แว๊บบบ เข้ามาในหัวทันที แต่ด้วยเมนู กล้วยบวดชีเดิมๆ จะทั้งหวาน ทั้งเลี่ยนกระทิ ผมเลยนึกว่าจะทำยังไงดีให้เมนูนี้คนกินจะกินได้แบบเลียชาม โดยไม่รู้สึกเลี่ยน ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นฟักทองครับ

ไอเดียมาเลยครับ โดยที่ผมชอบกิน ซุปฟักทอง ฟักทองแกงบวด เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เลย บู้ม!!! กลายเป็นโกโก้ครั้น (มุขครับมุข)

ของจริงอยู่นี้ บู้ม!!! กลายเป็น "กล้วยบวดพระ" เตรียมรับศีลรับพรกันได้เลยครับ


ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง (ยัง... ยังไม่หยุดมุขอีก)

หน้าตาเมนู กล้วยบวดพระครับ




เมนูนี้แทบจะไม่ต้องใช้น้ำตาลเลยครับ ผมใช้ ฟักทองมาเป็นตัวให้ความหวานแทนน้ำตาล
และ ทำให้น้ำเข้มข้น

แบบว่าซดกินได้หมดทั้งน้ำทั้งเนื้อโดยไม่รู้สึกเลี่ยนเลยครับ

กล้วยมีรสเปรี้ยวนิดๆ ตามด้วย ความหอมของกระทิ และ ความหวาน บวกกับ กลิ่นของฟักทองเข้ากันได้ดี อย่างไม่น่าเชื่อเลยครับ



จะแบบร้อน หรือ จะกินแบบเย็น ก็อร่อยครับ แต่กินแบบเย็นๆผมว่าอร่อยกว่า


เหมือนไอติมเลยครับเพราะด้วยความเข้มข้นของเนื้อฟักทองครับ


ส่วนสูตรและวิธีทำของผม ท่านสมาชิก จะสามารถทำได้ทั้ง กล้วยบวดชี และ บวดพระ
ภายในกระทู้เดียวเลยครับ

วัตถุดิบ


- กล้วยน้ำหวา 8 ลูก เลือกแบบที่สุกแล้วแต่ยังไม่สุกมากยังมีเขียวๆอยู่ครับ เพราะถ้าเอาสุกกว่านี้มาทำ กล้วยอาจจะเละได้ครับ

- ฟักทอง 500 กรัม ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆครับ

- กระทิ 800 ml ผมใช้กะทิกล่องเพราะหาง่ายดีครับ

- น้ำตาลมะพร้าว ใช้แค่ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ ใช้แค่นี้พอครับ เอาแค่มาช่วยความหอมกลมกล่อม ความหวานหลักจะมาจากฟักทองครับ

- เกลือครับ




เตรียมของเรียบร้อยแล้วมาเริ่มได้เลยครับ


ขั้นแรกเอาฟักทองที่เราหั่นรอไว้แล้วไปนึ่งประมาณ 15 นาทีครับ ผมใช้หวดนึงข้าวเหนียวในการนึ่งครับ




นึงเสร็จพักใส่โถปั่นรอไว้ก่อนครับ



ต่อมาก็กล้วยครับ หั่นหัวท้ายทิ้งไม่ต้องปอกเปลือกครับ แล้วผ่า 4 ครับ แช่น้ำไว้ก่อนครับ กันกล้วยดำ



ต่อมาตั้งหม้อใส่น้ำ และตามด้วยเกลือ ไม่ต้องมากนะครับ แล้วรอจนน้ำเดือด

ก็นำกล้วยที่เราหั่นไว้แล้วไปต้มครับ ต้มในน้ำเดือดๆประมาณ 30 นาทีครับ



ทำไมต้องต้มกล้วย?

= ต้มเพื่อเอายางกล้วยออกและทำให้รสฝาดของกล้วยหายไปครับ

เมื่อครบประมาณ 30 นาทีแล้ว จะเห็นว่า มียางกล้วยออกมา และเนื้อกล้วยกับเปลือกกล้วยจะล่อนออกมาครับ



เมื่อต้มได้ที่แล้วก็นำมาล้างน้ำเย็นเอาสิ่งสกปรกและลอกเปลือกกล้วยออก



ล้างออกมาแล้วก็จะได้ กล้วยเนื้อนุ่มๆ หนึบๆ ไม่เละ แบบนี้ครับ



ทีนี้กล้วยก็พักไว้ก่อนครับ

มาต่อที่กะทิครับ ตั้งหม้อใส่กระทิ น้ำตาล และเกลือเล็กน้อย ต้มจนกะทิเดือด และต้องคอยคนเรื่อยๆนะครับ เพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน



เมื่อกะทิเดือดแล้วก็นำกล้วยลงไปต้มในน้ำกระทิครับ ประมาณ 15 นาที สีกล้วยก็จะเปลี่ยนเป็นขาวๆใสๆขึ้นมาครับ



เมื่อจบขึ้นตอนนี้แล้ว ก็จะได้กล้วยบวดชีอร่อยๆแล้วครับ
แต่ต้องใส่น้ำตาลเพิ่มนะครับ ถ้าจะทำเป็นกล้วยบวดชีครับ




แต่สำหรับผมยังไม่จบครับ ผมจะพากล้วยไปบวดพระต่อครับ

มาบวดพระกันต่อครับ

ไม่ยากครับก็นำกล้วยบวดชีที่เราเสร็จแล้ว ตักใส่ชามเดินแห่รอบโบส 3 รอบ เข้าโบสแล้วบวชได้เลยครับ

เออ... มุข? ล้อเล่นนะครับ ^__^

เมื่อเราได้กล้วยบวดชีมาแล้ว ก็นำน้ำกล้วยบวดชี มาเทใส่โถปั่นที่เรามีฟักทองรอไว้อยู่แล้ว เอาให้เกลี้ยงหม้อเหลือแต่กล้วยไว้ครับ



หลังจากนี้ก็ปั่นเลยครับ ปั่นให้ละเอียดจนได้เป็นเนื้อซุปเนียนๆเลยครับ แล้วก็มาเทกลับลงหม้อครับ

แล้วเปิดเตาไฟอ่อนต้มต่อสัก 10 - 15 นาที ก็จะได้ กล้วยห่มจีวรเหลืองๆ ตามภาพแล้วครับ



เมื่อได้ตามนี้ก็ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟได้เลยครับ



แล้วซดให้เกลี้ยงเลยครับ



เป็นไงบ้างครับกระทู้เดียวได้ทั้ง กล้วยบวดชี และ กล้วยบวดพระ เลยครับ
ลองทำทานกันดูนะครับ อร่อยเลียชาม

สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น