วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กี่เพ้า ละครสี่ผืนผ้า ใครแต่ง

หนึ่งในละครสี่ผืนผ้า

4 นิยายผืนผ้าผี จากเจ้าพ่อนิยายลึกลับ คุณหมอพงศกร 

ถ้า "สาปภูษา" เป็นงานชิ้นแรกก็เปรียบดั่ง "เพชรเม็ดงาม" แห่งวรรณกรรมแนวลึกลับ... "รอยไหม" จึงเปรียบเป็นงานชิ้นที่สองเป็น "งานละเอียด" ที่ผู้เขียนบรรจงเขียนด้วยความรักในแผ่นดิน หลวงพระบาง และอยากจะบันทึกเอาไว้ด้วยความรัก ความชื่นชม... มาถึง "กี่เพ้า" เริ่ม "เข้าทาง" พัฒนารูปแบบเนื้อเรื่องสู่ระดับสากลได้อย่างน่าชื่นชม และเมื่อมาถึง "สิเน่หาส่าหรี" ผู้เขียนเริ่ม "เข้าไคล" เหมือนมะม่วงแก่ที่กำลังสุกงอม จึงทุ่มเทให้กับผลงานชิ้นนี้แบบเทหมดหน้าตักเลยทีเดียว


หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า คูณหมอนักเขียนจะมีหน้าตาอย่างไรกัน  ดูท่าทางใจดีเชียวค่ะ

จาบทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งใน ---http://www.portfolios.net/forum/topics/2988839:Topic:2173215

เล่าถึงพัฒนาการของซีรีส์ผ้าของคุณให้ฟังหน่อย 



สาปภูษากับรอยไหมเกิดในช่วงใกล้ๆ กัน เพราะเขียนสาปภูษาแล้วผมไปทำงานหลวงพระบาง ก็เลยไปเขียนรอยไหมอยู่ที่โน่น แล้วกี่เพ้านี่พล็อตมีตั้งแต่เขียน 2 เรื่องนี้แล้ว แต่เนื่องจากว่า ช่วงนั้นผ้าจะถี่ไปหน่อย (หัวเราะ) เหมือนทานแต่แกงเผ็ดทุกวัน เราก็อยากทานอย่างอื่นบ้าง ก็เลยเบรกไปเขียนเรื่องอื่นก่อน กี่เพ้าเลยเพิ่งหยิบขึ้นมาทำตอนที่น้องชายกลับมาจากต่างประเทศ แล้วก็มาทำสำนักพิมพ์กัน แล้วพี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธุ์) สนใจ จริงๆ คุยกันตั้งแต่สาปภูษาแล้ว ก็เล่าพล็อตให้ฟัง ก็โอเค งั้นเราเขียนรวมเล่มออกมาเลยดีกว่า ส่วน สิเนหาส่าหรี นี่ลงสกุลไทย ซึ่ง 2 เรื่องหลังนี่ก็จะเกิดในช่วงใกล้เคียงกัน 



จริงๆ พอทำไปก็ยังพบว่ามีอีกหลายชาติน่าสนใจ ก็วางแผนไว้ว่าจะทำกิโมโนในอนาคต (หัวเราะ) แต่ที่เตรียมไว้แล้วก็คือ ลุนตยาของพม่า ชื่อว่า เล่ห์ลุนตยา จะเล่าในช่วงที่พม่ากำลังจะเปลี่ยน อังกฤษเริ่มเข้ามา ช่วงนั้นประเทศเขาจะระส่ำระสาย วัฒนธรรมโดนล้างไปเยอะ ครอบครัวของนางเอกก็จะเป็นครอบครัวที่มีโรงทอผ้าลุนตยาอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือเขียน ขอเบรกไปทำเรื่องอื่นก่อน (ยิ้ม) 



ตั้งแต่ สาปภูษา มาจนถึงรอยไหม คนอ่าน / คนดูจะงงหรือไม่ว่าทำไมมีผีทุกเรื่อง หรือเนื้อหาซ้ำกัน 




ที่จริง ถนัดแนวนี้ (ยิ้ม) หนังสือที่ชอบอ่านก็จะเป็นนวนิยายในแนวลึกลับ ผมว่า นวนิยายแนวนี้ดูมีเสน่ห์ ชวนติดตาม ค้นหา แล้วผมสามารถจะแอบเอาข้อมูลเรื่องผ้าหยอด ตรงนั้น ตรงนี้ ชวนให้คนอ่านติดตามไปเรื่อยๆ โดยธรรมชาติของตัวเอง จะไม่เก่งเรื่องงานดราม่า หรืองานที่เป็นโรแมนซ์เท่าไหร่ ก็เลยเลือกทำในแนวที่ถนัดดีกว่า เพราะเขียนไปเราก็สนุกกับมัน แล้วก็ชอบหลอกคนอ่าน (หัวเราะ) 




ส่วนใหญ่คนอ่านถ้าตามงานกันเป็นประจำเขาจะโอเค ไม่ค่อยสงสัย แต่บางท่านที่ชมละครจะ อ้าว นี่ผ้า นี่ก็ผ้า ผี แล้วก็ผี มันเหมือนกันหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วถ้าลงมาดูรายละเอียดแล้วจะไม่เหมือนกันเลย สิ่งเดียวที่เหมือนกันก็คือ มีผ้าผืนหลัก ผืนหนึ่งที่เป็นแก่นของแต่ละเรื่อง แต่ตัวพล็อตจะไม่เหมือนกันเลย 



อย่างสาปภูษา มันเป็นเรื่องของความอาฆาตแค้นของผู้หญิงคนหนึ่งที่มันฝังลึกอยู่ในผืนผ้า แต่รอยไหมมันเป็นความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทอผ้าผืนนี้ขึ้นมา ส่วนกี่เพ้านี่จะบอกว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น หรือส่าหรี่จะบอกเล่าเรื่องของสารที่ซ่อนอยู่ในผืนผ้า 



ซึ่งทั้งหมดก็จะบอกคนอ่านว่า ผ้าแต่ละผืนมันมีสารของคนทอบอกอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความเกลียดชัง หรือความรู้สึกอะไรทั้งหลายแหล่ อย่างส่าหรี ผ้าที่นางเอกใส่มันก็คือผ้าที่นำไปสู่อะไรบางอย่าง แต่ถ้าผมบอกว่าคนทอมีสารซ่อนไว้ มันไม่สื่อไงครับ เราก็เลยต้องสร้างเรื่องขึ้นมา เป็นกลวิธีที่เลือกมาใช้ และที่มีผีหมดเลย มันก็เป็นเหมือนลายเซ็นต์ของเราไปแล้ว (ยิ้ม) 

ผลงานที่ผ่านมาของคุณหมอโอ๊ต
http://www.groovebooks.com/index.php?mo=3&art=279950

            ความอาฆาตแค้นของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีพลังรุนแรง ได้ถูกผนึกฝังลึกลงในผืนผ้า
และคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายต่อหลายคนให้ตายตกไปกับคำสาปแช่ง ความแค้นอันมีเหตุมาแต่รักยากจักสิ้นสุดลงได้ง่ายๆ ทุกเส้นด้ายในผืนผ้า ถูกตราตรึงไว้ด้วยแรงพยาบาท แทรกผ่านกาลเวลา มิได้ถูกลบเลือน เหมือนจะดำรงสืบไปนิรันดร์กาล

             เรริน หญิงสาวชาวไทย ผู้ชำนาญด้านการทอผ้า เธอเดินทางมมาหลวงพระบางเพื่อรักษาแผลใจ
แล้ววันหนึ่งเธอได้ไปเยือนหอพิพิธภัณฑ์ และได้พบกับผ้าผืนงามที่เจ้าของเก่าเสียไปก่อนที่จะเสร็จสมบูรณ์ ผ้าไหมทองคำลวดลายล้านนาที่งดงามจับใจ ผ้าไหมทองคำที่เกี่ยวพันกับโศกนาฏกรรมรักเมื่อครั้งอดีต ผ้าไหมทองคำผืนนี้ จะเปลี่ยนชีวิตของเรรินไปตลอดกาล 
              รอยรัก แรงแค้นจากปรภพ ฝังลึกในกี่เพ้าชุดงาม ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด
โบตั๋นกลีบบาง...ยังคงรอวันหวนกลับคืน กี่เพ้าสีแดงสด ปักลายโบตั๋นสีชมพูชุดนั้นคงจะสวยสมบูรณ์ หากไม่มีรอยขาดบนอกเสื้อ รอยขาดที่เกิดจากคมมีด ซึ่งแทงทะลุหัวใจของหญิงสาวที่เป็นคนรักเก่าของหนุ่มฮ่องกงสุดเท่..เจ้าหมิงเทียน... และความยุ่งยากทั้งหลายคงไม่เกิดขึ้น หากเพกาจะไม่ทำลายกฎเหล็กของพิพิธภัณฑ์ แอบสวมกี่เพ้าชุดงามจนเกิดภาพนิมิตเห็นมือของฆาตกรที่จ้วงแทงลงมา ฆาตกรร้ายที่ยังลอยนวล ฆาตกรร้ายที่อาจเป็นใครก็ได้ในคฤหาสน์ตระกูลเจ้าอันใหญ่โต ร่วมผจญภัยข้ามทวีป จากนิวยอร์ก สู่ฮ่องกง ตามไขปริศนาลึกลับของกี่เพ้าไปกับเพกา ...ภัณฑารักษ์สาวสวยจาก The MET พิพิธภัณฑ์ใหญ่ติดอันดับโลก การผจญภัยที่ต้องวางชีวิตและหัวใจรักเป็นเดิมพัน
                 นวลเนื้อแก้วสาวไทยเจ้าของร้านเสื้อแบรนด์ดังทายาทท่านฑูต   จำเป็นต้องเดินไปประเทศอินเดียโดยด่วน เนื่องจากนิลปัทม์ น้องสาวของเธอกำลังจะได้แต่งงานกับ เจ้าชายชัยทัศน์ วิเรนทรา มันตรา เจ้าชายหนุ่มหล่อแห่ง แคว้นมันตราปุระ แคว้นเล็กๆ ทางตอนเหนือของอินเดีย 
               นวลเนื้อแก้ว ดีใจแทนน้องสาวอย่างออกนอกหน้า ที่จะกลายเป็นว่าที่เจ้าหญิง อย่างไม่คาดฝัน แต่แล้วเมื่อเธอบินไปถึงที่ มันตราปุระ จริงๆ สิ่งที่ได้พบกลับไม่น่าชื่นมื่นอย่างที่คาด เนื่องจากเธอได้พบกับท่าทีที่ไม่ยินดีนักจาก มหารานีศศิประไพ ว่าที่แม่สามีของน้องสาว รวมทั้งเจ้าหญิงลักษมี น้องสาวของ เจ้าชายชัยทัศน์ และ สาวิตรี ลูกสาวมหาเศรษฐี ที่หมายปอง เจ้าชายชัยทัศน์ อยู่เช่นกัน
            แต่ด้วยท่าทีที่เป็นมิตร ดูอบอุ่น เป็นธรรม ของ มหาราชาชัยนเรนทร์ การแสดงออกถึงความรัก เจ้าชายชัยทัศน์ มอบให้น้องสาวของเธอ และที่สำคัญ มิตรภาพที่อบอุ่นงดงาม จาก เจ้าชายกีรีซ เจ้าชายรูปงามที่เป็นพี่ชายต่างมารดาของ เจ้าชัยทัศน์ ที่คอยให้กำลังใจสองพี่น้องจากใจจริงกอร์ปกับความที่เป็นคนอดทนต่อสู้ ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรคง่ายๆเมื่อต้องเผชิญกับความไม่ชอบธรรม เบื้องหลังเบื้องลึกที่ไม่ชอบมาพากลใน มันตราปุระ การที่น้องสาวของเธอถูกรังแกอย่างไม่เป็นธรรม นั่นทำให้นวลเนื้อแก้วประกาศสู้ตายเพื่อน้องสาว และ ความยุติธรรม
            นอกจากนั้นการที่เธอได้รับคำขอร้องจาก เจ้าชายกีริซ ให้ช่วยซ่อมแซม ผ้าส่าหรีโบราณ นั่นทำให้เธอได้เข้าไปพานพบกับเรื่องในมุมมืดของ มันตราปุระ ที่ยิ่งสาวลึก ก็ยิ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนปม และอันตรายมากยิ่งขึ้นพร้อมจิ๊กซอว์ปริศณาที่ค่อยๆโผล่ออกมา ทั้งดอกแมกโนเลีย ส่าหรี วิเวียน เวสต์วูด สร้อยพระศอ Star of Emerald แมววิเชียร แมงมุมแสงจันทร์ และ ป่าเขาวงกตและมีหรือที่สาวไทยเลือดนักสู้อย่าง นวลเนื้อแก้ว จะยอมแพ้ง่ายๆ



------
อ่านแล้วก็ทำให้เราได้ข้อคิดว่า

"แรงบรรดาลใจในการเขียนไม่ได้เดินเข้ามาหาเรา
แต่เราสิต้องเดินไปหามัน"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น