วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สงสัยว่า mistletoe คืออะไร

 Kiss(es) Under the Mistletoe ตามคำอธิบายของ 

 คัดลอดมาจาก** http://247live.blogspot.com/2012/06/kisses-under-mistletoe-with-you-shawty.html

"Mistletoe" ที่จริงแล้วเป็นไม้พันธุ์หนึ่ง ที่มันไม่ได้ขึ้นบนดิน แต่จะขึ้นบนต้นไม้เหมือนๆกับ "กาฝาก" ในบ้านเรานี้เอง และเขาก็จำแนกเจ้า Mistletoe ให้อยู่ในประเภทของกาฝากนี่แหละ กล่าวคือถือว่ามันเป็นปรสิต ที่คอยดูดอาหารที่จะไปเลี้ยงต้นไม้ เจ้า Mistletoe นี้จะมีผลเล็กๆเท่าลูกเบอรรี่ มีสีขาว หรือสีแดง แล้วแต่พันธุ์ ซึ่งข้างในมียางเหนียว ๆ ซึ่งเป็นพิษต่อผิวหนัง ผมไม่มีข้อมูลว่า ถ้ากินเข้าไปจะเป็นอย่างไร แต่ไม่น่าจะถึงตาย ไม่เคยกินเหมือนกัน อิอิ.


แล้วทำไม JB ต้องไปยืนอยู่ใต้ต้น Mistletoe นี้ด้วย? แค่ต้นกาฝากเนี่ยนะ จะโรแมนติกตรงไหน!

เรื่องนี้ต้องย้อนอดีตไปถึงยุโรปยุคต้น สมัยที่ในยุโรปยังเชื่อเรื่องแม่มด มีความเชื่อกันว่า เจ้า Mistletoe นี้สามารถนำมาใช้ป้องกันมนต์ของแม่มดได้  บ้านเราก็เจ๋งไม่แพ้กัน เพราะเรามีใบหนาดไว้ป้องกันมนต์แม่นาคได้ ฮ่าฮ่า นอกจากนั้นยังเอามาปรุงเป็นยาได้หลายขนานทีเดียว จึงมีความเชื่อกันว่า Mistletoe มันเป็นไม้มงคลยิ่งนัก และถูกเอามาประดับตามบ้าน ด้วยเหตุผลคล้ายๆกับที่เราเอาใบหนาดมากันผีกระสือนั่นแหละ อย่างไรก็ตามในส่วนที่ว่าเป็นยานั้น ไม่ได้มีตำหรับยาตกทอดมาถึงปัจจุบันเลย จึงไม่รู้ว่ามันเป็นยาอะไรยังไงแน่ คือคุณต้องเข้าใจก่อนว่ามันมาจากยุโรปยุคต้น เราทราบๆกันอยู่แล้วว่า ในยุโรปยุคกลางศาสนจักร เป็นใหญ่เหนืออาณาจักร เรื่องแม่มดหมอผี ยาผีบอก มันย่อมขัดต่อกฏของศาสนจักร ขนาดตำหรับยาของนอสตราดามุส ยังถือว่าผิดกฏหมาย ที่จริงมันก็เรื่องสำอางค์ธรรมดานี่เอง แล้วคิดเหรอว่าตำหรับยาที่มี "ความขลัง" จะถูกปล่อยให้หลุดรอดสายตาของโบสถ์ไปได้ ..

มาดูตำนานของกรีกกันบ้าง
ที่กรีกเขานิยมนำเจ้า Mistletoe มาทำซุ้ม พิธีแต่งงาน เขาถือความเป็นมงคลของไม้ชนิดนี้ เช่นเดียวกับชาวยุโรป และยังเชื่ออีกว่าถ้าแต่งงานใต้ซุ้มที่ประดับประดาด้วย Mistletoe เจ้าบ่าว เจ้าสาว ก็จะอยู่กันยืด ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร เขาไม่ได้บอกว่าด้วยเพชรบลูไดม่อนหรือเปล่า ..ฮาาา แล้วถ้าคนที่ยังไม่แต่งงานกันมาจุมพิตกันใต้ซุ้มนี้ ก็จะเหมือนกับได้รับคำอวยพรให้ทั้งสองคนได้แต่งงานกันในอนาคต หนักๆเข้าผู้ชายกับผู้หญิงคบๆกันไป ผู้หญิงต้องการความมั่นใจ เลยจับผู้ชายไปสาบาน ..เอ้ย ไม่ใช่ ไปคิสสสกันใต้ Mistletoe มันจึงมีความหมายว่าเป็นการให้คำมั่นสัญญา (Commitment) ว่าจะแต่งงานกันไปโดยปริยาย ..ฟังดูก็ไม่เห็นจะโรแมนติกไปกว่า ไอ้ขวัญกับอีเรียม ที่สาบานกันอยู่ใต้ต้นไทร ถัดออกไปมีเจ้าทุยยืนเคี้ยวเอื้อง และนกเอี้ยงสองตัว เกาะเขาข้างละตัว เป็นพร๊อบที่โรแมนติกมวากกส์  ว่ามะ?




จากยุคกรีกนี่เอง จึงเกิดคำว่า "Kiss(es) under the Mistletoe" และในเพลง "Mistletoe" จัสติน บีเบอร์ บอกว่า เขาอยากจะไปยืนอยู่ใต้ต้น Mistletoe กับเจ้าหล่อนที่เขาพูดถึง ผู้หญิงที่ทำให้เขาไม่ได้ออกไปเล่นสนุกสนานในเทศกาลคริสต์มาส เพราะมัวแต่คิดถึงเจ้าหล่อนอยู่นั่นเอง จัสติน อยากไปยืนใต้ต้นไม้กับเธอ เพื่อที่ว่าจะได้จุมพิตเธอ (ลิเกไปหรือปล่าว อย่าเพิ่งอ๊วกนะ) ซึ่งการจุมพิตใต้ต้น MIstletoe มันสื่อความหมายว่า "ขอเป็นแฟนกับเธอ" ซึ่งมันเป็นความหมายปัจจุบันครับ ไม่ได้แปลว่า "ฉันจะแต่งงานกับเธอ" แบบในยุคกรีกอีกต่อไป

และเพลง Mistletoe ก็เป็นซิงเกิ้ลที่ตัดออกมาจากอัลบัม "Under the mistletoe" ซึ่งจะวางแผงเร็วๆนี้ครับ  ..เอ้าโฆษณาให้ซะงั้น

วันนี้คุณได้เรียนรู้ว่า
1. จัสติน บีเบอร์ ไม่ได้แค่จะไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้กับสาวน้อยเฉยๆ  แต่เขาจะจูบเธออีกด้วย  ..เป็นเด็กเป็นเล็ก คิดจะหลอกสาวไปจูบ ..เดี๋ยวเตะกลิ้งเลยนี่
2. Kisses under the Misstletoe ใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงว่าสองคนที่จูบกันใต้ต้นนี้จะคบกัน ..ก็ไม่รู้ว่าถ้าจูบใต้ตนไม้อื่น ๆ อย่างต้นลีลาวดีหน้าบ้านผม มันจูบได้ฟรี ไม่ต้องคบกันก็ได้ ..หรือไงนะ?
3. Mistletoe เป็นไม้ตระกูลกาฝาก มันมีความหมายขึ้นมาได้ เพราะคนไปใส่ใจมันเอง ถ้าเราอยากจะทำให้ "ใบหนาด" ดังบ้าง ก็ให้แกรมมี่ แต่งเป็นเพลงไปให้เทเลอร์ สวิฟต์ร้อง เดี๋ยวต่างชาติมันก็สนใจเองแหละ ว่าอะไรคือใบหนาด และจะเริ่มคิดว่าแม่นาคสวยเหมือนเทเลอร์ สวิฟต์ อีกด้วย!!!

พบกันใหม่ เมื่อธนูปักเข่า ..เอิ๊กกกก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น